ลึบพระสูรย์
1) เจ้าปางคำ ผู้ครองนครหนองบัวลำพู ผู้ประพันธ์เรื่อง สินไซ (มีอายุราวสามร้อยกว่าปีที่แล้ว)
2) พระเจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์แห่งกรุงเวียงจันทร์องค์สุดท้ายครองราชในปี2348-2371
3) พระมหาสมณพราหมาจารย์สิบสองกวี ซึ่งเป็นพระสังฆราชองค์สุดท้ายของอาณาจักรล้านช้าง และเป็นที่ปรึกษาในราชสำนักของพระเจ้าอนุวงศ์
4) นักปราชญ์แห่งลุ่มแม่น้ำโขงยุคหลังพระเจ้าอนุวงศ์
ในส่วนของความหมายของชื่อเรื่องนั้นก็ให้ความหมายแตกต่างกันไปเช่น ลึบพระสูรย์ หมายถึง บังพระอาทิตย์ ลึบบ่สูญ หมายถึง ลบไม่หาย เป็นต้น จะยังก็แล้วแต่ก็เอาไว้เป็นหน้าที่ของนักวิชาการ ผู้คักเติบ (ผู้เชี่ยวชาญ)ให้ท่านไปค้นหาเอาความจริงก็แล้วกัน ส่วนในความหมายในเชิงกาพย์กลอนที่เรียกว่า"ผญา"นี้ จริงๆแล้วก็แผลงมาจากรากศัพย์ของบาลีว่า "ปัญญา" ถ้าสันสกฤตก็"ปรัชญา"ซึ่งโดยปกติภาษาลาวมักจะพูดอะไรๆให้ลัดสั้นแต่ยังคงความหมายเดิมเอาไว้ อย่างป.ปลา ก็จะออกเสียงเป็นตัว ผ.ผึ้ง เช่นคำว่า เปรต ภาษาลาวก็จะเรียกว่า "เผด" ฉะนั้นคำว่า"ปัญญา หรือ ปรัชญา"นี้ จึงกลายมาเป็น"ผญา" อย่างที่พวกเรารู้ๆกันนี้เอง ส่วนความหมายก็ตรงตัวอยู่แล้วโดยไม่ต้องแปลให้เสียเวลา เอาหล่ะ!เราไปเข้าสู่เนื้อหาที่มีอยู่สามบั้นกันเลยกันเลยแล้วกัน