ลึบพระสูรย์
1) เจ้าปางคำ ผู้ครองนครหนองบัวลำพู ผู้ประพันธ์เรื่อง สินไซ (มีอายุราวสามร้อยกว่าปีที่แล้ว)
2) พระเจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์แห่งกรุงเวียงจันทร์องค์สุดท้ายครองราชในปี2348-2371
3) พระมหาสมณพราหมาจารย์สิบสองกวี ซึ่งเป็นพระสังฆราชองค์สุดท้ายของอาณาจักรล้านช้าง และเป็นที่ปรึกษาในราชสำนักของพระเจ้าอนุวงศ์
4) นักปราชญ์แห่งลุ่มแม่น้ำโขงยุคหลังพระเจ้าอนุวงศ์
ในส่วนของความหมายของชื่อเรื่องนั้นก็ให้ความหมายแตกต่างกันไปเช่น ลึบพระสูรย์ หมายถึง บังพระอาทิตย์ ลึบบ่สูญ หมายถึง ลบไม่หาย เป็นต้น จะยังก็แล้วแต่ก็เอาไว้เป็นหน้าที่ของนักวิชาการ ผู้คักเติบ (ผู้เชี่ยวชาญ)ให้ท่านไปค้นหาเอาความจริงก็แล้วกัน ส่วนในความหมายในเชิงกาพย์กลอนที่เรียกว่า"ผญา"นี้ จริงๆแล้วก็แผลงมาจากรากศัพย์ของบาลีว่า "ปัญญา" ถ้าสันสกฤตก็"ปรัชญา"ซึ่งโดยปกติภาษาลาวมักจะพูดอะไรๆให้ลัดสั้นแต่ยังคงความหมายเดิมเอาไว้ อย่างป.ปลา ก็จะออกเสียงเป็นตัว ผ.ผึ้ง เช่นคำว่า เปรต ภาษาลาวก็จะเรียกว่า "เผด" ฉะนั้นคำว่า"ปัญญา หรือ ปรัชญา"นี้ จึงกลายมาเป็น"ผญา" อย่างที่พวกเรารู้ๆกันนี้เอง ส่วนความหมายก็ตรงตัวอยู่แล้วโดยไม่ต้องแปลให้เสียเวลา เอาหล่ะ!เราไปเข้าสู่เนื้อหาที่มีอยู่สามบั้นกันเลยกันเลยแล้วกัน
บั้นบังระหัส
ดวงนี้
ซื่อว่าบุแผ่นธรณีดั้น กุมพระกรกำโฮบ
เกาะกายเกยโลบเลี้ยว สเมรุค้านโค่นคลอน
คะเคื่อนคุงแก่นเหง้า กากาบไกวกะจัด
เสลาเนาภูผา เกลื่อนทะรังทะลายย้อง
อามมเนาแนบพื้น เฟือนฟาดฟองสมุทร
นาโคคะ คาดโฮงฮามย้อง
จักรวาลเหลื้อง คีรีหงวยง่วน
นาคะเฟื่อนฟั่งฟ้าว ฟุ่มเฟื้อแค่เฟือย
ครุฑฑะะอ้าปีกขึ้น ขำเมฆเฮืองฤทธิ์
จันโทมัวเมามุด มืดแสงสูรย์อ้ำ
ใสส่องเฮืองฮาวถ้าน รังษีสุริเยศ
ยามท่องเทียวล่วงฟ้า พิมานเอื้อมอาจศมี
มิคสิงห์สวรรค์ย้อง บอระเมประนมแม่
เมืองมาบเหลื่อม แสงแก้วแกว่งทะรัง
ไฟก็ลุกวืบไหม้ เสนาสน์ทะม่าวมุด
แปวเป่งเฮืองอรุณ หอบแสงสูรย์ฟ้า
บาลังซ้อน ไสยาอินทะราช
สนุกยิ่งล้ำ ลมเปื้องปิ่นไกว
ดาวดึงส์ซั้น เทวดาเมืองมอด
ตลบต่าวฟ้ง พิมานเต้าตุ่มตอม
ละแห่งห้อง ผาสาทเฮืองฮด
ลงท่องเทียวนิคมคน คว่าสูรย์แสงหลิ้น
เลยรินซ้ำ ปะสัดเมามัวเดือด
กะสันปลิ้วฟ้ง จันทร์กุ้มเมฆกุม
อากาศก้วง สุดขอบจักรวาล
เมทะนีสุด ซั่วตาเต็มเยี้ยม
เหมยเหมือยโฮ่ง ฮ่ำฮวยซ่อนกลิ่น
ผายโผดให้ ดินซื้นซุ่มอืน
รุกโขด้าว แดนไพรพงเถื่อน
ยูท่างไขกลีบอ้า ละอองห่อมหื่นหอม
โยทิกาค้อม สารภีพวงพี่
แมงภู่บินล่วงล้ำ ผะสงค์แส่วสวบละออง
พี่ขอถามข่าวน้อง นงค์ถ่าวถนอมศรี
ยังคอยทรงความสุข ป่งซอนแซมซ้อน
หรือว่ายังผะสงค์สร้าง สมพาสเพียงพี่
ขอแต่น้องนาฏไท้ พระมัยซ้อนขอดเฮียม พี่ถ้อน
โอน้อ สงสารบุปผาดั้ว ดวงหอมเหยกลิ่น พี่เอ้ย
ภุมรินส่วนแส่ว แสวงกลั้วกลิ่นละออง
เจ้าผู้มาลาสร้อย ไพรพะนอมแนวป่า เฮียมเอ้ย
บานเฮื่อแห้ง ยามแล้งหล่นดาย แลน้อ
น้ำสมุทรมากล้น ลึบแผ่นธรณี
ลมพานพัด ฟาดฟองกระจายฟ้ง
หงษ์คำผ้าย บินบนเสมอว่าว
สังบ่เบื้องปิ่นหน้า มาพี้เพื่อลม บ้างเด้
พี่ขอถามข่าวน้อง เนื้อใหม่มารศรี
มโนทวารยัง เที่ยงขันในหั้น
หรือว่ามโนทวารน้อง ลมตีเบื้องแกว่ง
ขอแก่อินทะราชฮู้ ญาณเตื้องไตร่ตรอง พี่ถ้อน
ปองเย้อ
เจ้าผู้โสละสะซั้น มหาพรหมเพียงพาก กันนั้น
ใสส่องเฮืองฮอดฟ้า พิมานเยี่ยมผ่อโพยม
ซื่อว่ายุตโยกพื้น พายเอนกนองนที
ไตรพระติงสาทิพย์ ที่สรวงสวรรค์ย้อง
ยมหยั่งปารมีกั้น ไสยานิทเน่ง มานั้น
นับมื้อมืนพรากพ้น แถวถ้านถ่ายระดู พี่นั้น
พี่นี้ เป็นดังใยบัวข้อง พลายสารสมประโยค จิงแหล้ว
โอ้โอบเอาแม่ป้อง ปุนล้อมข่อยแหลม
ก็บ่ลูลาภสร้าง ซ้ำเหล่าพลอยสลาง
มโนทวารทุกข์ ถั่งโถมฮาวบ้า
เป็นดังอัคคีไหม้ ฟอนฟางเฟือยป่า
คึดใคร่หอบแม่น้ำ ทั้งห้าอาบสรง
ก็บ่เป็นไปได้ สมดังมโนนึก
เพราะว่ามหานทีทางเป็งจาล อยู่กวงไกลฮ้าย
ว่าจักโอมเอาน้ำ อโนมาล้างส่วย
พอให้หายโศกฮ้อน ขนังเบื้องฝ่ายหลัง
กับก่อตั้งเขตไว้ ห้าขวบพันวัสสา
อานนท์กลืนกินหาง แห่งมันทะม่าวไหม้
ไพรพะนังเฮื้อ ฮาวเขาเขียวควี่
คึดใคร่ม้างมุนม่วย มัวขว้ำไขว่ขีน
หลายส่ำไม้ ในป่าอนันต์นัก
หาลำเป็นของหอม แก่นจันทร์บ่มีได้
คนเต็มบ้าน คาเมมีมาก
หาผู้ต้อง มโนไท้บ่มี
คือคู่จันทรึกฟ้า เป็นคู่สุริโย
รังษีใส ส่องเยืองยังด้าว
รังษีซ้อน ซมกันกลางกาศ
บ่อาจน้าวแนบซ้อน ซมหลิ้นกล่อมเจียง
อันว่าบุบผาห้าว หอมโฮยฮดฮ่วง
หนามกล่อมเกี้ยว แกมก้านแต่ลำ
น้าวนวดต้อง เต้าตึงหอมหวล
เดินไกลหนี จากพระมัยมิได้
หากอ่าว ยินตลบซ้อย แซงประเหียลหาท่อ มิได้
ปุนเปรียบปานแม่ซ้าง สารเตื้อตื่มตอง
ต้องตื่มข้อ ขวานผ่าภูผา
เสลากองกวนกระจัด มุ่นเห็งเห็นพ้น
อินทร์ฮ่ำถองเถิ่งแจ้ง คดีโดยดอมเหตู เฮ็วถ้อน
มิให้ฮักเพิ่งเพี้ยง สิเอาตุ้มต่อมขวัญ
พี่บ่ให้คลาดฮ้าง เหินห่างพระมัยมิตร
พอพระทัยจัก ใคร่คอยครองตุ้ม
ขอแก่อิสูรย์น้าว แนมสมรซมซ่อย
อินทร์หากฮอนฮ่ำเบื้อง ศมีซ้อนส่องเงา อยู่แล้ว
ราหูเฮียงตนเข้า สูรย์พระจันทร์แถมล่ำ
มัวมืดกุ้มกลีบฟ้า บังกั้งกล่อมศมี
ศมีเปลื้องเหลื่อมซ้อน เฮียงฮ่วมราศรี
ปะเป่งเงางำศมี ปล่องใสสูรย์ไหม้
อาทิตย์เทียวเทิ่งฟ้า ราศรีเฮียงฮ่วม กันแหล้ว
คันว่า ราหูซ้อนแซกเข้า สูรย์อ้ำบ่เฮือง
อาทิตย์เทียวท่องฟ้า เงื้อมแง่โพยมบน
ราหูบัง เหลื่อมรังษีเศร้า
อันว่า จันทะรังเหลื่อม บ่มีเพ็งแฮมค่ำ อวนเอ้ย
อาทิตย์บ่เป่งอ้า เพ็งแจ้งดั่งพระจันทร์
ยามเมื่อ ดิถีตั้ง เติมระดูเดือนปีใหม่ มานั้น
ดอกเกดบานเฮื่อเฮ้า หนามล้อมแค่ลำ
เจ้าผู้ บริสุทธิ์เซื้อ ดวงหอมดอกเดื่อ เฮียมเอ้ย
สุกก่อนล้ำเลียบขวั้น แขวนซ้อยอยู่ซอน
สะมั้งพั้ว พวงพีสารภี
กรรณิการ์กาล เฮื่อพงไพร่ด้าว
ภุมรินทร์แล้ว แสวงอองเอากลิ่น
ยู่ท่างสุขอยู่ฝั้น แฝงกลั้วกลิ่นละออง
มันมิได้เดือดฮ้อน โทมนาสในขมอง
บ่อห่อนขืนขวางขัด วาดเซิงซายดั้น
อันว่า พิสัยเซื้อ ซาวซนมนุษย์ซาติ เฮานี้
มีที่ข้อง ขนังเบื้องบ่มการณ์
โทมนาสฮ้อน ในเทศทรวงทิพย์
ฮมมะนังขัด วาดเซิงซายดั้น
ในหนห้อง มโนทวารทุกส่ำ
ใผล่ำเยี่ยม เห็นได้ง่ายดาย บุ๊เด้
จันทรึกดั้น เงื้อมแง่โพยมสูง
ราหูยัง ท่องเทียวยามเยี่ยม
อาทิตย์จรจรดฟ้า คะนังคันขัตฤกษ์
ราหูยังย่องเยี่ยม ยามให้ถืกสูรย์
ทิพย์ตวยต่อนหล้า สิหลงฮ่อมทางคึด แลเย้อ
เป็นดั่งฝนรินเซย แม่ชลธะรังแห้ง
ท้อมจิตดำดินดั้น เดินฝืนแฝงขอบ แม่เด้
เขาเขื่อนม้าง ทะลายล้มหล๊าวเลียน
เบื้องปิ่นแป้ ขงขอบขัณฑะเส
กลหลในคาเม มืดควันธะรังไหม้
ฉายาเงางำเงื้อม พระราศรีสูรย์เมฆ
จักรวาลโคบค้าน แดนด้าวเดื่องหงวย
ว่าจกบุแผ่นพื้น เทียวท่องทำฤทธิ์
ทะยานเวหา ฮ่วมเฮียงพระจันทร์แจ้ง
ดำดินดั้น เมโฆขำเมฆ
ผันล่วงฟ้า อิงเอื้อมแท่นอินทร์
แปดแผ่นพื้น พรหมวาดวงกต
ในพงไพร แดดกระหายหิวฮ้อน
อาเกียรณ์ล้อม คะนานันเนื่องหนี่
สัตว์สามานย์มอดเมี้ยน พระมัยขั้นขาดแคลน
ยังแต่พระผ่านแก้ว ตรัสส่องผญาทิพย์
โพธิญาณเยือง ส่องทางเทียวเต้า
นำสัตว์เข้า นีรพานผายหว่าน
เทียวโผดคนสะคังแค้น นำขึ้นส่งเถิ่ง
ตั้งแต่กัปล์ถ้วนห้า สิบซาติซาดก มาพุ้น
พระพร่ำเพ็งปารมี เที่ยงธรรมหมายมั่น
สี่อสงไขยตั้ง พระทัยปุนปุกเฮียก
ก็จิ่งลุลาภได้ ญาณแก้วแก่นธรรม
พระจึ่งตั้ง พุทธศาสตร์สอนสัตว์
ทะรงฤทธีเทียว โผดคนคาแล้ง
นำสัตว์ข้วม สงสารสาคเรศ
โผดให้เฮียงแท่นแก้ว เกยเพี้ยงพร่ำมวล
ฝูงส่ำเสี่ยง สัตว์หมู่เทียวทุกข์
พระส่องเยืองยังเวร เวทนานำข่วม
พระผู้ทรงสนิทล้ำ สรญาณเยื้อนส่อง
ผายโผดสัตว์ต่ำต้อย นำขึ้นสู่สวรรค์
เยืองความให้ เพียงฮอมพอฮุ่ง
ถวายบาทพอพาดไว้ ผญากว้างฮ่ำฮอน หั้นถ้อน
เทื่อนี้ จักใคร่เดินไปก้ำ ภูเงินงามยิ่ง
ที่นั้น บ่อาจให้แก่นแก้ว กัลย้อยยอดซีวัน
ยูท่าง ฮักฮ่วมฝั้น สมสิ่งใจผะสงค์
บรรทมถวายจามรี ราชสิงหาสน์น้อง
มีทั้งคูหาห้อง เม็งซอนแซมมิ่ง
มีทั้งหอซอฟ้า มุ่งแป้นป่องลม
ฟังเย้อ โสมสะอาดเนื้อ นงถ่าวสาวฮาม เฮียมเอ้ย
คำพี่ทูล แทบตีนต่างหน้า
เซิญหม่อมตรองตาแจ้ง คำคดีโดยเลศ
คำพี่ทูลแทบพื้น ถวายไว้ฮ่ำคะนิง แดถ้อน
อันที่ธรรมซาติเซื้อ อัครเยศโพยมบด ก็ดี
มิใคร่ พอพระทัยทม แทบไผผืนแหน้น
ธรรมดาม้า อาซาไนยมณีกาบ
หรือห่อนโยมยศค้าม ฤทธีเต้นถีบผยอง เมื่อใด๋
คันผะสงค์ท่องเทียวเถิ่งห้อง ดาวดึงส์ได้ย่าน ยามใด๋
มันก็กวักปีกพือแผ่นฝ้าย ผยองล้ำล่วงกาล
ได้ลุ่มอ้าง ฤาอาจอันเดียว นี้แหล้ว
สัตว์ส่ำเนืองเฟืองพบ มอบฝืนแฝงน้อม
นาวาเบื้อง แปวขันเขินขาด
หินแฮ่ฟูไขว้ข้อน เขินก้อนก่องธารา
อาทิตย์ลับขอบฟ้า ลงลุ่มเสาสเมรุ
จันทะรังใน ส่องงามเงาแจ้ง
ปกว่า ปัญญาถ้อน ตรองดูหาเหตุเอาถ้อน
เต็มคึดเจ้าจึ่งต้าน ตามข้อบ่อนคะนิง หั้นถ้อน
ซาติที่ หงษ์ห่อนหันหนีเว้น วางสระใสส่อง ได้เด้
ประกอบเฮียงแท่นแก้ว การฮ้อนห่อนสิถอย เมื่อใด๋
กลัวแต่เดินไกลฮ้าง คำพระมัยมายห่าง เสียแหล้ว
คึดใคร่เฮียงประกอบแก้ว กลอนถ้อยถอดขมอง
คำนี้ ไว้แก่อินทราชเจ้า ยั้งขะหม่อมทรงคึด
พอพระทัยจัก ใคร่คอยเห็นหน้า
ขอแก่เทโวป้อง ปุนสารสมซ่อย เฮียมถ้อน
ขอให้เถิ่งที่ซั้น ซมเกื้อกล่อมศมี
ซาติที่ภาษาเซื้อ อานนท์นามนาค
เนาเน่งพันธะเมฆเกี้ยว สเมรุค้านโค่นคอน
ปุนเปงยวงยังหน้า ภาษาบ้วงบาศ
มนตราชต้อง ติงใต้เพื่อฤทธี
ศรีสะอาดน้อย นามหน่อหญิงเก
พอใจจัก ใคร่ครองซายซ้อน
สุดเมื่อมีซายซ้อน เซยผะสงค์เฮียงฮวม ยามใด๋
ยูยกอ้าง เอาซ้อนเหนี่ยวศรี
เพียรพร่ำวอนสรวงซั้น ซุมพูจิตนาค
ขอจงซูซ่อยน้าว แนมเข้าแนบสม พี่ถ้อน
ไผผู้มีผญาแจ้ง จำตรองคิดฮ่ำ ดูถ้อน
อย่าฟังเฟือนมากข้อ ไขค้านถิ่นแถม นั้นถ้อน
เจียมแต่พรหมแพงสร้อย สมพาวบ่เตื้องต่อ
แฮ่งคึดซ้ำแฮ่งเห็นบ่อนข้อง กลอนน้องฮุ่งดาย
แต่ว่าแนนกล่อมฝั้น แฝงฮ่วมพระมัยมิตร อยู่แหล้ว
คึดว่าพันดวงตา ไป่ขืนขัดไว้
แนนนำเกี้ยว กันลงฤาต่าง ได้เด้
บุญประกอบแก้ว กันแล้วห่อนขืน ได้ฤา
แนมท่อม้มเขตข้อง ขนังที่ทงทุกข์ เมื่อใด๋
จักใคร่ปุนปองพบ เปรียบปุนปางแก้ว
สละซีวังไว้ เวรถวายทุกซาติ
ลดซั่วเมี้ยน เมื่อฟ้าฮ่วมสะแนน แนเด้อ
คึดเมื่อยามอิงเอื้อม ผืนพรโทมปี่ วันนั้น
น้ำแบ่งซั้นเขตไว้ ผะสงค์ซ้อนซั่วมรณ์ พี่แหล้ว
ทิพย์ดวงสนิทหน้า โฉมงามพระอินทร์หล่อ เฮียมเอ้ย
ถวายบาทพอพาดไว้ เพียงพื้นพ่างตีน แด่เน้อ
คำนี้ เสงเสี่ยงไว้ นางนาฏธรณี
ทังภายบน เทพดาจำแจ้ง
ภายขวาไว้ บอระเมรุพระแม่
ภายซ้ายไว้ นางน้อยเมฆขลา
โสพร่ำมวลสรวงซั้น มหาคุณครุฑนาค
เยี่ยมล่ำเบื้อง ตาซ้ายเสือดแนม แนเด้อ
แล้วจึงปลงประสิทธิ์ตั้ง คันถีลงฤกษ์
ฮ้อนฮอดฟ้า พระอินทร์แผ้วผ่อเห็น
ใฝหากวางสบถไว้ ลวงแปรเปลื้องไป่ ไปนั้น
ให้เทียวล่วงข่วงใข้ ในหม้อหมื่นอสงค์ หั้นถ้อน
ก็จิ่งโฮมมิ่งมั่น สมรแทบเทียมฮด
ปุนดังเจียมปางฮัก ฮ่วมพานางฟ้า
ตราบไป่ทันเถิ่งซั้น นีรพานพ้นกิเลส เมื่อใด๋
ขอให้ได้ ซมซ้อนดั่งผะสงค์ แด่ถ้อน
แต่ว่าฮักฮ่วมฝั้น สมรยิ่งยังทุกข์ พี่แหล้ว
พี่บ่ปุนปองฮัก ฮ่วมไฝฝืนแหน่น
ยังท่อแพงพระอวนน้อง ในทรวงปานแว่น จิงแหล้ว
บ่แบ่งห้องหลีกเลี้ยว ลวงลิ้นหล๊ายคำ ดอกหนา
ขอแก่ทิพย์สมรเยื้อน สรญาณยศผ่อ หลิงถ้อน
นับแต่พลอยพรากน้อง คะนิงโอ้อ่าวเถิง มากแหล้ว
ทุกข์ที่ พลัดประกอบแก้ว โอ้อ่าวคะนิงหา
คะนิงนงค์ศรี ฮุ่งหุยเห็นหน้า
เจ็บจิตในทรวงแน่น คะนิงนางในแว่น
แม่นว่าแสนสิ่งน้ำ อโนล้างก็เล่าหมอง อยู่แหล้ว
อันที่คำเขียนข้อ ไขเป่งแปวระหัส ดวงนี้
เป็นที่ขืนขัดทรวง เยศทะผืนเผยอ้า
ยังไป่ถองเถิ่งพื้น ซุมพูจิตนาค
ย้านแต่ขับบ่ถืกข้อ เวท้ายแบ่งขีน บุ๊เด้
เจ็ดวันก็จิ่งหลิงหล่ำเยี่ยม คณาเนื้อแต่ละยาม
หากอยู่แถมถนอมเนื้อ เวียนระวังวงครอบ
มิได้คละคลาดแคล้ว ไกลฮ้างฮ่วมเสน่ห์
อันว่าธรรมซาติเกื้อ กามเทพเทียมฮด
ฤาห่อนหลงหลอขัด ขาดเสน่ห์เสมอได้
แม่นว่าดาวดึงส์ซั้น เมืองสวรรค์สนุกยิ่ง ก็ดายแหล้ว
ยังไป่ปุนเปรียบแก้ว ยามกลิ้งกล่อมเจียง พี่แหล้ว
ตราบไป่ลุแห่งห้อง ซั้นซื่อพรหมภวัคร เมื่อใด๋
ฤาห่อนขีนคำมี มิตรมากางกั้น
แม่นจักยอตนขึ้น เพียงพรหมภายภาค ภวัครพุ้น
ฤาห่อนขืนขาดเว้น วางไว้ซั่วมาณ์ มากแหล้ว
เป็นดั่ง ศรีวิซัยเซื้อ ซาวเมืองปุนป่อย ปางนั้น
บุญแบ่งยู้ ยามน้อยหนึ่งถอย
พระก็ทงแท่นสร้าง พรหมเพศเพ็งศิล
ศรีวัยวอนกาเม มอบเวรวางไว้
ทรงสอนฮู้ ฮมแดดอมฮูป
สุดที่กลั้น กระสันได้ดั่งผะสงค์
เลยเหล่าลุสะอาดเอื้อม สนุกฮ่วมเฮียงโฉม
ปราณีในนงคราญ เยศทะผืนเผยอ้า
อันว่าในพงศ์เซื้อ ชมพูภายลุ่ม เฮานี้
ฤาห่อนเหินห่างได้ พอน้อยหนึ่งคน ได้นั้น
คือดั่งโพธิสัตว์สร้าง ปารมีหมายมุ่ง
โพธิญาณยอดดั้ว ดวงล้ำเลิศผญา ปางนั้น
พระก็หลบหลีกเว้น กามกิเลสตัณหา
ทรงศิลธรรม เกิ่งพรหมภายฟ้า
ตนเดียวดั้น อรัญญายาวย่าน
เดินเข้าในแง่เงื้อม ในถ้ำนั่งธรรม
พระก็สบเข้าถ้ำ เพียรพร่ำภาวนา
ปารมีผาย แผ่ไปทั้งค่าย
พรหมธรรมตั้ง พระทัยบานใจฮุ่ง มากแหล้ว
ยังเล่าตกตุ่มน้ำ ญาณเสี่ยงเสื่อมถอย
อันนี้พอเผดียงให้ เห็นคลองคับแคบ
ปกว่าญาณยอดแก้ว ยวงดั้นเหนี่ยวกร พี่ถ้อน
โอน้อโฉมสะอาดน้อง เนื้ออุ่นอินทร์เหลา พี่เอ้ย
ภายพี่โฮมมนังคึด ฮุ่งทางนอนแล้ง
ยอแยงแก้ว ดวงมณีสุดที่อ่าว ฮุนแหล้ว
น้องนี้เป็นดั่งดวงดอกไม้ บานเฮ้าฮุ่งสูง พี่แหล้ว
โอน้อนักปราชญ์ยังฮ่าวฮู้ หลงฮ่อมคำคึด
เดินบ่ไปตามทาง แต่เดิมวินัยตั้ง
ยามเมื่ออาจารย์เจ้า แปลสนซักสูตร มานั้น
ไปสู่สระแปดถ้าน เถิ่งเอ้หมู่อา
สระประถมถ้าน เฮียงฮมหัตถบาท
พยัญชนะเป็นที่จั้ง ผสมให้ออกเสียง
ยามเมื่อดาวเสด็จย้าย อังลงมาถืก เมื่อใด๋
ศูนย์ใส่สระอาควบแป้ แปลให้ว่าอำ
ฟังเย้อบัณฑิตเซื้อ ราซาตนยิ่ง เฮียมเอ้ย
ให้ค่อยทอดพระเนตรเยี่ยม ฟังแล้วค่อยคะนิง หั้นถ้อน
ฟังยินนกฮ่ำฮ้อง เฮียงคู่คองระหัส
เสวยอำภา พร่ำมวลมาเต้า
มันก็จงใจผ้าย เวหาจับจ่อง
เฮฮ่ำฮ้อง ฮมฮ้อมห่อกัน ฮักเอ้ย
มันบ่มีที่ข้อง ขนังคอกคาหลัก สน่อยนั้น
ยูท่างทงผลา กล่อมเจียงใจปลื้ม
เซยซมหลิ้น ลำแขมขึงปีก
สนุกม่วนหลิ้น ระงมด้าวส่วงเหงา
เฮียมฮุ่งห้อง ยามเมื่อระทมทุกข์
ขนังทรวงทุกข์ ฮุ่งหุยหาน้อง
ยูยินหม้อม โทมนังแค้นคั่ง
ยมยั่งย้อย คะนิงโอ้อ่าวหา
ทุกข์เมื่อบ้า กามกิเลสตัณหา
คะนิงนงค์นางศรี ฮ่ำทรวงทลายม้าง
เจ็บที่มาคาค้าง ขนังจวนจำพราก
สุดที่ดั้นลอบลี้ เยียวเยื้อหย่องเถิง
ทุกข์เฮ่งฮ้อน ฮมยิ่งโทมนัส
บ่เซื่อลอนพอเผย สะน่อยยามทรวงบ้า
จักทะยามเถิ่งน้อง นงค์ศรีสุดที่อ่าว จิงแหล้ว
ประกอบเฮียงแก่นแก้ว กัลย้อยเยศผอง
เฮียมกล่างหลิ้น พอส่วงมโนเหงา
มิใซ้สวยสีไผ สะน่อยพอเพียงน้อย
เจ้าผู้ปัญญาเสี้ยม แหลมคมคงส่อง เห็นตี้
เฮียมหากไขแต่ซั้นนอกไว้ เซิญสิ่งส่องคะนิง แด่ถ้อน
น้องนี้
เทียมดั่งมโหสถผู้ ทรงธรรมสุดทะยิ่ง หลิงถ้อน
บ่อนได๋บ่ถืกข้อ ขอน้องฮ่ำเพิง แด่ถ้อน
คันบ่มีเฟือยไม้ ไฟบ่ลามไหม้ป่า นางเอ้ย
มือบ่ไสท่อจ้ำ เฮือสิขึ้นเผ่นผาย พี่ฤา
ซาติที่คูหาห้อง ราชสีห์เทียวท่อง
บ่ห่อนละถิ่นไว้ สิไปขึ้นป่าคา พี่แหล้ว
สารนี้ซื่อว่าบังระหัสไว้
บิดกระบวนเบื้อง ซายเซ็งบ่เห็นเลศ
เหงาหง่วมดิ้น กำเก้อเกิดพิศวง
หนักหม้อมหน้า หมายผาดผันผยอง
แยงยังดวงมณีศรี วาดกระบวนบังเลี้ยว
เจ้าผู้ปัญญาน้อย บ่สมภูมิกลอนกาพย์
ครองว่าเป็นผู้ตื้น ผญาเสี้ยมบ่แหลม
สังมาฮวมฮี่ไว้ สิลบเหลี่ยมคมเพชร
สังบ่ติคือเหลือม หลอกบังตัวไว้
เป็นดั่งทำทานใบ้ หมายซีวังมุดมอด ไปนั้น
ลังเทื่อเสียเดชซ้ำ หมองเกื้อเกือกขี้ตม
เทื่อนี้ เฮียมจักลัดเหลี่ยมข้อ ไขด่วนโดยพลัน
บ่ให้เหลือปัญญา ฮ่ำเพิงพอสะดุ้ง
พาทีถ้อย ขนังทรวงเนียระนาด
คึดว่าหลื่นอ้อย เลยส่มกว่าบักนาว
สังบ่คึดถี่ถ้วน เสมอเนตรพอโฉม เดน้อ
บัดนี้ มาได้กำคอเห็น เหงือกแดงแคมลิ้น
สังมานึกนักแค้น คาอยู่ในคอ แท้น้อ
สังบ่มีพอสอง ซ่องปองปางแค้น
บ่แม่นแนวนามเซื้อ ราชสีห์สิงหราช
สังมานาบซ้างให้ โคม้าตื่นคะโยง
สังบ่หลิงหาเซื้อ สกุลวงศ์นามซาติ ตนเด้
มาคั่วก้มขาบไหว้ คนใบ้ซั่วซาม
ใต้ลุ่มฟ้า มนุษย์โลกลือเพชร ผู้เดียวแหล้ว
ไผผู้มาเพียงมือ ส่วนสิเซิญขวัญไข้
เห็นแต่สงสารนี้ หลายใบซ้อนหง่า
เฮียมนี้เป็นดั่งแก้วอยู่น้ำ ในถ้ำส่องบ่เห็น
มันหากตกจากข้าง น้ำเพชรก็ยังติด
ผิหากเป็นคำดี ซีกซาวกะยังได้
เห็นแต่ดวงสีหน้า สิหมายดีสันเก่า ว่าฤา
ใจหากออกนอกฟ้า ยังมั่นบ่มาย
ยอยื่นดวงดาบกล้า บ่เห็นห่างคมเพชร
ผยองเป็นควัน หล๊าวลงลามไหม้
เฮียมนี้ เป็นดั่งสุริโยเข้า เขาสเมรุเมินมุ่ง
แสงอ่อนเพี่ยง ยามเซ้าไป่เฮือง
ใจเจ็บข้อง ต้องเสี่ยงบริสุทธิ์
ไผผู้มีผญาแหลม ฮ่ำคะนิงดูถ่อน
คำนี้เลิ่กและตื้น หวนหั้นหากสิถอง
บ่ใซ่เซิงหลอกลิ้น หมางม่ายความขัด ดังนั้น
ก็หากแพงดวงแสง แง่งอนงำเลี้ยว
ยศหากลือเซ็งกล้า ผยองมามิหลีก ไผนั้น
เป็นดั่งซ้างปวดบ้า เมาล้มล่วงขอ
ไผผู้มีปีกฮู้ บินแอ่นพระเวหา ก็ดีถ้อน
นับว่าเทียวสงสาร บ่หลีกกลายกันได้
พอแต่สัญญาให้ แปลงสารเขียนขีด ไว้นั้น
บอกว่านักปราชญ์ผู้ ผญาก้วงฮ่ำเพิง หั้นถ้อน
อันหนึ่งเงามณีแก้ว มหานิลดวงประเสริฐ
ไผห่อนสุบใส่เข้า ซืนเซื้อแฮ่สะคอง
หินก็หากเป็นหินแท้ ทรายซลแคมท่ำ
ไผสิขัดขูดเกลี้ยง ซาวน้ำก็หากฮุน
ไม้ก็ยังต่างไม้ แก้วแก่นจันโทน์
สังสิเอามาเทียม หมู่ขอนลอยน้ำ
คำก็หากเป็นคำแท้ ซมพูมณีเทศ
ไผห่อนติดต่อเข้า ทองด้วงเซื่อมประสาน
ใจหากถือผลาด้าม พิมพ์เดียวบ่ใซ่ซ่อง กันนั้น
น้ำก็หากยังต่างน้ำ มันเข้าบ่ห่อนแกม
ซักให้เห็นเหตุเบื้อง บั้นบ่อนดวงสนิท
ปกว่าปัญญาคม ฮ่ำเพิงแยงไว้
เป็นคนหล้าง หลงบ่อนเบาหนัก
ลังคนเกลี้ยงแต่ลิ้น แถลงเลี้ยวโลภใน
ฮู้ล่ายถ้อย บ่มีอยู่วาจา
อันที่ภายในขม เฝื่อนฮื่นลังล้าว
ซาติที่บอนบุกล้าว หลิงเห็นบ่มีถืก ตาแหล้ว
เป็นดั่งด้วงบุ่นไม้ ในหั้นส่องบ่เห็น
น้ำสมุทรลึกและตื้น กว้างใหญ่เป็นกระแส
หย่อนโยนโยทะกา ก็หยั่งถองเถิงได้
คนขังไว้ ให้ยอแยงปานแว่น แท้น้อ
ตีโยกเย้า เอาถ้อยสู่ความ
คำว่าฮู้เหตุแล้ว บั้นบ่อนดวงสนิท
เอาคำเฮือง ถอดเถิงแถลงถ้อย
เป็นที่อัศจรรย์แท้ สงสารควรหน่าย
เป็นดั่งทุคตะบ่าวท้าว ปางนั้นสะแหม่งตาย
เมียเลานอนคอกซ้าง กับเสี่ยวเป็นโจร
สองเขือพลอยทำเวร ผูกตีบาท้าว
แหนงว่า บ่มีวิศุกรรมท้าว ลงมาผายโผด ปางนั้น
ก็ส่วนมรณ์มิ่งเมี้ยน ตายถิ่มจุ่มจม บ่อย่าแหล้ว
อินทร์จึงผายโผดให้ พ้นที่กรรมเวร
พระก็เดินไพรสณฑ์ หมื่นดอยดงคั่น
พลอยเล่าเถิงไท้ นครศรีสัตนาค
จิ่งได้ทงแผ่นพื้น เมืองนั้นนั่งปอง
พระก็ทานทอดให้ รางวัลมากพอแสน
ลือซาเถิงเมืองพาราณสี หมู่ยิงยินย้อง
อ้ายเสี่ยวและเมียขี้ฮ้าย พาลาหลงโลภ
เขาก็เดินดุ่งดั้น เถิงเจ้าคว่าขอ
พระก็ทานทอดให้ พอดีอิ่มสองเขือ
แล้วจิ่งจำนำหนี พรากเมืองมิโอ้
ยามเมื่อย้ายจากห้อง ขงเขตเมืองหลวง
ธรณีหนา แตกเอาเมื่อพื้น
ตายคอบศัพย์ลับลิ้น ลวงแสนสับส่อ
ทุกข์ขอดข่อน เถิงเนื้อมอดจม
เป็นนิทานธรรมแท้ กายาขันธ์โลก
สร้างไว้เพื่อนักปราชญ์ผู้ ผญาแจ้งจ่งคะนิง นั้นถ้อน
บ่ใซ้ผิดซาติแท้ คนโคกขโมยมา แม่เอ้ย
ตั้งหาก เกิดแต่ในโฮงหอ ราชสิงห์หาญห้อง
พอแต่ แปลประเหียลให้ เห็นเงางอนโลก
สังสิมาหาบหิ้ว กายได้ดั่งฤา
เมื่อบ่สังขยาให้ บ่เห็นห่อมฮอยระหัส
มาคว่าเอาไปฮอ ห่อนถูหินกล้า
ตั้งแต่หนีบหลืบไว้ ปฐพีพื้นโลก
ไผผู้ค้าง เมือหน้าหากจักขวาง ดอกน๊า
โซคบ่ให้ เห็นอยู่ก็เป็นไป
อย่าสู่มาลวนหลาย สิแตกมัวเมาง้วน
ถามเบิ่งพอเจ็บด้วย มาแถมเถิ่งบาป คำนั้น
ยังค่อยตัดต่อนน้อย ทานส้มสู่วัน
อย่าสู่มาลวนหลาย สิแตกมัวเมาง้วน
ถามเบิ่งพอเจ็บด้วย มาแถมเถิ่งบาป คำนั้น
ยังค่อยตัดต่อนน้อย ทานส้มสู่วัน
เพิ่นผู้นักปราชฌ์ฮู้ ตรัสส่องผญาทิพย์
ในพระทัยทวนเทิ่ง ฮุ่งงามมณีแก้ว
ในพระทัยทวนเทิ่ง ฮุ่งงามมณีแก้ว
บ่ใช่อันฮ่าวฮู้ ขลังเนตรในจิต
บ่ห่อนตันทางบก ขาดวังเวินข่อน
ฝูงหมู่พาลาเซื้อ คนเขลาตาซั่ว นั้นน๊า
ยังเล่ามาตู่ข่อย คำฮ้ายเหตุโภย
บ่ห่อนตันทางบก ขาดวังเวินข่อน
ฝูงหมู่พาลาเซื้อ คนเขลาตาซั่ว นั้นน๊า
ยังเล่ามาตู่ข่อย คำฮ้ายเหตุโภย
ไว้แก่เทเวศท้าว ตรัสส่องสรญาณ
จักได้หลิงทวนเห็น เหตุคนคองเลี้ยว
ทำคุณให้ ฝูงแนวนามซั่ว ฮูนแหล้ว
เป็นดั่งตักต่อนน้ำ ยอหยิ่นใส่ทราย หั้นแหล้ว
จักได้หลิงทวนเห็น เหตุคนคองเลี้ยว
ทำคุณให้ ฝูงแนวนามซั่ว ฮูนแหล้ว
เป็นดั่งตักต่อนน้ำ ยอหยิ่นใส่ทราย หั้นแหล้ว
มันบ่เห็นส่องฮู้ บั้นบ่อนเบาหนัก
คำควรมี บ่หวลหาด้าม
แม่นว่า จักเซาในด้าว สาขาเฮียงฮ่ม ก็ดี
ไผห่อนหักกิ่งไม้ ปูเทิ้งนั่งนอน
คำควรมี บ่หวลหาด้าม
แม่นว่า จักเซาในด้าว สาขาเฮียงฮ่ม ก็ดี
ไผห่อนหักกิ่งไม้ ปูเทิ้งนั่งนอน
สังมาซักเบียดข้อ ขีนวาดเวียนวิตก
เป็นคำสวย เสียดมาเลิงเรื่อย
ลือว่าเจ้าหากจักหักฟดไม้ ตีเฟือยฟาดพุ่ม
คิดว่า อยากให้เสือลอบลี้ ทั้งด้าวจอบกิน
เป็นคำสวย เสียดมาเลิงเรื่อย
ลือว่าเจ้าหากจักหักฟดไม้ ตีเฟือยฟาดพุ่ม
คิดว่า อยากให้เสือลอบลี้ ทั้งด้าวจอบกิน
เจ็บคีงไข้ หวัดไอปางขนาด
เห็นระหัสบ่อนแจ้ง สิยอมด้วยเดชไผ นั่นเด๊
ซาติที่เป็นหน่วยแก้ว บ่มิหย่อนกลัวแสง ง่ายแหล้ว
ไผว่า จักหงายธรณี หากจักเถิ่งถองได้
เห็นระหัสบ่อนแจ้ง สิยอมด้วยเดชไผ นั่นเด๊
ซาติที่เป็นหน่วยแก้ว บ่มิหย่อนกลัวแสง ง่ายแหล้ว
ไผว่า จักหงายธรณี หากจักเถิ่งถองได้
เมื่อบ่ล้อมฮั้วไว้ ตามแผ่นพิมพ์เมือง ภายพุ้น
กลัวแต่เป็นเวรา สิหล๊ายเลลวนลิ้ง
กลัวแต่เป็นเวรา สิหล๊ายเลลวนลิ้ง
โอน้อ
พี่ก็ทนทวงแค้น หนหวยหาอุ่นแพงเอ้ย
ไปกะไปบ่ได้ คาค้างอยู่ดาย
ขอให้ขันติแท้ พอเฮียมได้ส่วง
คันหากม้มที่นี้ ไปสร้างสิ่งผะสงค์ ดอกน๊า
โอน้อ
เฮียมนี้เป็นดั่งเฮือซาวค้า หากคาคอนสมุทรใหญ่
ไปกะไปบ่ได้ คาค้างอยู่ดาย พี่แหล้ว"
จบบั้น
บั้นสมที่คิด
โอนอ
สารนี้ซื่อว่าสมที่คึดคำล้าน มณีศรีดวงผะเสริฐ
จักขอดโฮงต่อมตื้อ ถนอมแก้วคำเมือง
ว่าอยากผายพลล้อม มณีนิลเฮียมพ่าง
แสงอ่อนอ้วน พิลาเข้มเฮื่อเฮือง
สารนี้ซื่อว่าสมที่คึดคำล้าน มณีศรีดวงผะเสริฐ
จักขอดโฮงต่อมตื้อ ถนอมแก้วคำเมือง
ว่าอยากผายพลล้อม มณีนิลเฮียมพ่าง
แสงอ่อนอ้วน พิลาเข้มเฮื่อเฮือง
เฮียมอยาก
ไปวานฝูงพี่น้อง วงศ์วานให้มาซ่อย สิคือฤา
ทั้งหมู่ฮ้อ กะเลิงพร้อมพร่ำแกว
เซิญแม่มาซ่อยผัดสีแก้ว ธำมะฮงให้แจ้งฮุ่ง แด่ถ้อน
หลอนว่าบุญส่งให้ แสงเท่าทั่วเมือง บ่ฮู้
ไปวานฝูงพี่น้อง วงศ์วานให้มาซ่อย สิคือฤา
ทั้งหมู่ฮ้อ กะเลิงพร้อมพร่ำแกว
เซิญแม่มาซ่อยผัดสีแก้ว ธำมะฮงให้แจ้งฮุ่ง แด่ถ้อน
หลอนว่าบุญส่งให้ แสงเท่าทั่วเมือง บ่ฮู้
เฮียมอยากขัดหน่วยแก้ว มีค่าคำแสน พุ้นน๊า
เปรียบปูนธำมะฮง ให้ฮุ่งเฮืองเมืองฟ้า
มณีโซติแก้ว เฮืองแสงใสฮุ่ง
หินแฮ่ตกสะแง่เงื้อม เกาทื้นขูดทรวง
เปรียบปูนธำมะฮง ให้ฮุ่งเฮืองเมืองฟ้า
มณีโซติแก้ว เฮืองแสงใสฮุ่ง
หินแฮ่ตกสะแง่เงื้อม เกาทื้นขูดทรวง
อันว่าผักตบเข้ม มหานิลน้ำครั่ง พิลานั้น
ปะละเสียหม่นเศร้า แสงกลั้วฝุ่นดิน
แก้วหากยังต่างแก้ว ลือค่าคำแสน
บ่แม่นแนวทรายผง แฮ่ซะคองแคมน้ำ
ปะละเสียหม่นเศร้า แสงกลั้วฝุ่นดิน
แก้วหากยังต่างแก้ว ลือค่าคำแสน
บ่แม่นแนวทรายผง แฮ่ซะคองแคมน้ำ
หากบ่โสดาด้วย ธำมะฮงก็ตามโคก เสียถ้อน
หินแฮ่เจ้าหากกุมว่าแก้ว ก็ตามเจ้าสิเบิ่งเอา หั้นถ้อน
จวงจันทร์สล้าง ทะลอนหอมแต่มื้อใหม่
ตั้งว่าหอมยิ่งแท้ บ่มิได้แก่นจันทร์ ดอกน๊า
หินแฮ่เจ้าหากกุมว่าแก้ว ก็ตามเจ้าสิเบิ่งเอา หั้นถ้อน
จวงจันทร์สล้าง ทะลอนหอมแต่มื้อใหม่
ตั้งว่าหอมยิ่งแท้ บ่มิได้แก่นจันทร์ ดอกน๊า
ซาติที่จันทร์โฉมส้ม ทะลอนหอมแต่มื้อใหม่
บาดว่ากลั้วกลิ่นส้ม ซมแล้วกะเล่าเหย บ่ฮู้
เมื่อจักไขระหัสต้อน เคืองปลาเขินลอบ ไซตี๊
บ่ได้เคืองแต่ต้อน คูนค้าวก็หากเคือง
บาดว่ากลั้วกลิ่นส้ม ซมแล้วกะเล่าเหย บ่ฮู้
เมื่อจักไขระหัสต้อน เคืองปลาเขินลอบ ไซตี๊
บ่ได้เคืองแต่ต้อน คูนค้าวก็หากเคือง
คันบ่หาของแก้ม กระเทียมหอมก็ซ้ำเฝื่อน ไปนั้น
หากบ่ได้หมี่เมี่ยง มาพร้อมบ่เซื่อความ ว่าฤา
อดให้ได้ขวนขวายจ้ำ ซิมพลางไว้ซั้นก่อน
คันบ่ได้ใส่เมี่ยง เกลือพร้อมก็เล่าจาง
อันที่ซากจวบเมี่ยง ผะสงค์ใส่ขิงเผ็ด ว่าฤา
ย้านแต่ซิมสงวนหลาย ก็เล่าจางเค็มพ้น
เฮียมนี้
บ่ได้เป็นดั่งซายกะหล้าง บายหลาแถลงแขก
หมดคืนได้ถ่องล้อ จาเว้าแต่ละความ
เฮียมบ่ติแถลงเฮื้อง แปลงเซิงปัดวาทย์ ไผนั้น
บ่ได้ต้านกล่าวถ้อย ขวัญเจ้าสวากสี
บ่ได้เป็นดั่งซายกะหล้าง บายหลาแถลงแขก
หมดคืนได้ถ่องล้อ จาเว้าแต่ละความ
เฮียมบ่ติแถลงเฮื้อง แปลงเซิงปัดวาทย์ ไผนั้น
บ่ได้ต้านกล่าวถ้อย ขวัญเจ้าสวากสี
ทางหากมีหลายเส้น ตามใจให้เลือกไต่ ไปถ้อน
มักเส้นเวิ้ง ทางเลี้ยวก็หากมี
หนูหากหมางเหม็นเหย้า สิลงนอนเกลือกขี้ฝุ่น ก็ตามถ้อน
แมวบักคำหากจักฮู้เยื้องข้อ เห็นแจ้งสิค่อยฟัง
มักเส้นเวิ้ง ทางเลี้ยวก็หากมี
หนูหากหมางเหม็นเหย้า สิลงนอนเกลือกขี้ฝุ่น ก็ตามถ้อน
แมวบักคำหากจักฮู้เยื้องข้อ เห็นแจ้งสิค่อยฟัง
ว่าโสดาด้วย ปูปลาซิ้นต่อน ก็ดีถ้อน
อดพอเยื้อนอยู่เหย้า พอได้โผดแมว แด่แม๊
หนูบ่มักอยู่เหย้า หมางโบกทางฝา แท้น้อ
สังบ่บินบนเหาะ อยู่เทิ่งเสมอแฮ้ง
อดพอเยื้อนอยู่เหย้า พอได้โผดแมว แด่แม๊
หนูบ่มักอยู่เหย้า หมางโบกทางฝา แท้น้อ
สังบ่บินบนเหาะ อยู่เทิ่งเสมอแฮ้ง
หนูหากหมางเหม็นข้าว แมวสิหนาแหนงจ่ม เป็นฤา
แมวว่าอยากปั้นเหนี่ยงข้าว ขีนซ้ำส่งคุณ เจ้าเด้
หากบ่อโสดาแท้ คืนมาขอส่ง ไปถ้อน
ว่าสิกินฮากไม้ ตางข้าวก็ซ่างใจ เจ้าถ้อน
แมวว่าอยากปั้นเหนี่ยงข้าว ขีนซ้ำส่งคุณ เจ้าเด้
หากบ่อโสดาแท้ คืนมาขอส่ง ไปถ้อน
ว่าสิกินฮากไม้ ตางข้าวก็ซ่างใจ เจ้าถ้อน
ไผบ่จำใจเจ้า กินสารของเบื่อ เมาน๊า
เจ้าหากเป็นผู้ฮู้ สังมาให้เพิ่นเตือน
บุญบ่เคยพ้อข้าว สาลีกาขาวอ่อน
ยอดบุ่นเจ้าผัดว่า
หวานกว่าอ้อย เมือหน้าหากสิหวาน ดอดกน๊า
เจ้าหากเป็นผู้ฮู้ สังมาให้เพิ่นเตือน
บุญบ่เคยพ้อข้าว สาลีกาขาวอ่อน
ยอดบุ่นเจ้าผัดว่า
หวานกว่าอ้อย เมือหน้าหากสิหวาน ดอดกน๊า
อ้อยหวานพลอยว่าส้ม จวงจันทร์สิลืมวาด สาตี้
เขาฮอ
เจ้าว่าหวานกว่าอ้อย ซาวบ้านเพิ่นสิถาม บ่อย่าแหล้ว
ผิบ่ขาดหลายข้อ อยากลองเดินไปถามข่าว เบิ่งเด๊
เพิ่นส่าว่าเจ้าหากเลี้ยงลูกแบ้ ขายซ้างแลกแมว ว่าน๊า
เขาฮอ
เจ้าว่าหวานกว่าอ้อย ซาวบ้านเพิ่นสิถาม บ่อย่าแหล้ว
ผิบ่ขาดหลายข้อ อยากลองเดินไปถามข่าว เบิ่งเด๊
เพิ่นส่าว่าเจ้าหากเลี้ยงลูกแบ้ ขายซ้างแลกแมว ว่าน๊า
หลอนว่าเป็นสิ่งคำเพิ่นเว้า ความมิให้ส่งข่าว มาถ้อน
แม่นว่าเจ้าหากทุกข์คั่งแค้น ควรเยื้อนสงสาร แด่น้อ
อันว่าคำคึดมีหลายข้อ เฮือคำค้างท่า เฮานั้น
ยังอยากต้านไต่ถ้อย ถามเค้าเยื่องความเบิ่งเด๊
แม่นว่าเจ้าหากทุกข์คั่งแค้น ควรเยื้อนสงสาร แด่น้อ
อันว่าคำคึดมีหลายข้อ เฮือคำค้างท่า เฮานั้น
ยังอยากต้านไต่ถ้อย ถามเค้าเยื่องความเบิ่งเด๊
เซิญซ่อยยอยกน้าว ธำมะฮงให้เยื้อนส่ง มาถ้อน
ย้านแต่อินทร์บ่น้าวส่งให้ บ่หวั่งได้ดั่งคะนิง
เจ้าผู้สมพยับเข้ม ไหมคำเคียนคาด อีเฮียมเอ้ย
สังมามัวมืดกุ้ม กวมแน่นอั่งทรวง แท้น้อ
ย้านแต่อินทร์บ่น้าวส่งให้ บ่หวั่งได้ดั่งคะนิง
เจ้าผู้สมพยับเข้ม ไหมคำเคียนคาด อีเฮียมเอ้ย
สังมามัวมืดกุ้ม กวมแน่นอั่งทรวง แท้น้อ
เมื่อสิไขระหัสให้ ดอมผมพ้นส่วน ไปนั้น
เมื่อสิเว้าต่อหน้า ตาซ้ายก็เหลือบแล
เมื่อจักไขระหัสให้ ดอมแขนสิถิ้มถ่วง ไปแหล้ว
มันจักละถิ้มไว้ เหนือใต้ท่าเทิ่ง บ่ฮู้
เมื่อสิเว้าต่อหน้า ตาซ้ายก็เหลือบแล
เมื่อจักไขระหัสให้ ดอมแขนสิถิ้มถ่วง ไปแหล้ว
มันจักละถิ้มไว้ เหนือใต้ท่าเทิ่ง บ่ฮู้
เมื่อจักไขต่อดังสองก้ำ ก็กลัวจามฟ้งเฝื่อน ไปแหล้ว
เมื่อจักไขต่อเซื้อ ก็ซังเม็นทั้งเฮือด
คันบ่เป็นดังความเฮาเว้า นอนกลางคืนให้เจ้าเสี่ยง เอาน้อ
อย่าได้เว้าต่อเซื้อ คนใกล้ต่างแซง
เมื่อจักไขต่อเซื้อ ก็ซังเม็นทั้งเฮือด
คันบ่เป็นดังความเฮาเว้า นอนกลางคืนให้เจ้าเสี่ยง เอาน้อ
อย่าได้เว้าต่อเซื้อ คนใกล้ต่างแซง
คันว่าไขระหัสฟ้า ฝนลมสิล้นขอบ ลงแหล้ว
เกรงท่อน้ำท่วมกล้า นาแล้งขาดเขิน บ่ฮู้
คันบ่ขันติเยื้อน ก็เป็นควันส่วยหล๊วย ไปแหล้ว
ย้านท่อเสียหน่วยแก้ว ดวงล้ำค่าเมือง
เกรงท่อน้ำท่วมกล้า นาแล้งขาดเขิน บ่ฮู้
คันบ่ขันติเยื้อน ก็เป็นควันส่วยหล๊วย ไปแหล้ว
ย้านท่อเสียหน่วยแก้ว ดวงล้ำค่าเมือง
เสียทังเฮือคำค้าง ชลทาเซาท่า เฮานั้น
บ่ได้เสียแต่เบี้ย สะเภาค้าก็ขาดทึน
หนูซิงมาผิวให้ คือเฮาสิมีโซค แพงเอ้ย
อย่าได้เว้าเงื่อนถ้อย แมวสิฮู้เมื่อกล
บ่ได้เสียแต่เบี้ย สะเภาค้าก็ขาดทึน
หนูซิงมาผิวให้ คือเฮาสิมีโซค แพงเอ้ย
อย่าได้เว้าเงื่อนถ้อย แมวสิฮู้เมื่อกล
เซิญแม่ทรงพระทัยเยื้อน ผญาไวให้คึดฮ่ำ เอาถ้อน
บ่ได้เสียแต่กล้า นาเฮื้อก็หากเสีย
คันว่าไขระหัสให้ ดอมแมวสิเต้นถ่วง ไปแหล้ว
เป็นดั่งลมเป่างิ้ว ปลิงฟ้งทั่วไพร
บ่ได้เสียแต่กล้า นาเฮื้อก็หากเสีย
คันว่าไขระหัสให้ ดอมแมวสิเต้นถ่วง ไปแหล้ว
เป็นดั่งลมเป่างิ้ว ปลิงฟ้งทั่วไพร
คันบ่ขันติได้ สิปลิวไปทุกประเทศ
หนาวและเอ้า ทั้งฮ้อนก็หากมี
คำพี่เตือนสติให้ เตเมเจ้าปั้นหุ่น เอาถ้อน
เจ้าจงปิดห่อไว้ ผองเท่าซั่วซีวัง เด้น้อ
หนาวและเอ้า ทั้งฮ้อนก็หากมี
คำพี่เตือนสติให้ เตเมเจ้าปั้นหุ่น เอาถ้อน
เจ้าจงปิดห่อไว้ ผองเท่าซั่วซีวัง เด้น้อ
คิดอยากจงใจค้ำ ก็มาเวทางถ่อ เฮือน้อ
เดียวนี้เสียกูดท้าย โทมสิป้องก็บ่มี
โอน้อมายินสนเท่ห์ด้วย ดอมปลาซิวซ้นเงือก คือฤา
เสือหากวางลูกให้ เพียรเลี้ยงพร่ำแมว ดอกน๊า
เดียวนี้เสียกูดท้าย โทมสิป้องก็บ่มี
โอน้อมายินสนเท่ห์ด้วย ดอมปลาซิวซ้นเงือก คือฤา
เสือหากวางลูกให้ เพียรเลี้ยงพร่ำแมว ดอกน๊า
คำนี้
ถวายแก่นักปราชญ์เจ้า ผญาไวให้ตรัสส่อง เอาถ้อน
ยังอยากถามแต่เค้า ขวัญเฮื้อป่วยนาน นั่นเด้
เมื่อบ่ถามขวัญไข้ กวนขีนปัดวาทย์ ลาวตี๊
ออกเหลืองคือเหือดค้าง แถมซ้ำตื่มทรวง แท้น้อ
คันว่าหนาวถือไข้ ก็อย่าจมใจผอก สังถ้อน
หมากไม้ยังอยู่ค้าง ไผสิฮู้เมื่อกล นั่นเด้
ก็ท่อซอมดูหน้า คีงเหลืองเนื้อฮ่าง
จักว่าออกเหม้าซ้าง ใดแท้ก็ใช่การ
หมากไม้ยังอยู่ค้าง ไผสิฮู้เมื่อกล นั่นเด้
ก็ท่อซอมดูหน้า คีงเหลืองเนื้อฮ่าง
จักว่าออกเหม้าซ้าง ใดแท้ก็ใช่การ
เอาแต่หมอโหรฮู้ สิหาพอกใส เอาถ้อน
คันว่าหมากไม้ค้าง ยาแก้ก็หากยัง
คันว่าถามหาไข้ ก็อำเซิงเต็มวาด ไปนั้น
บ่ขาสิให้นั่งอยู่ถ้า เสมอฟ้าหง่อนฝน นั้นฤา
คันว่าหมากไม้ค้าง ยาแก้ก็หากยัง
คันว่าถามหาไข้ ก็อำเซิงเต็มวาด ไปนั้น
บ่ขาสิให้นั่งอยู่ถ้า เสมอฟ้าหง่อนฝน นั้นฤา
เมื่อบ่ถามหาข้อ เฮฮนเพิ่นก็เฮียก หานั้น
เจ้าบ่ยิกคิ้วให้ ใผสิฮ้อนฮ่อมใด๋ นั้นเด้
โอนออุษาบ่เคยฮ้าง ฮามบาหัตถบาท อิดูเด้
แม่นบ่เคยกล่าวถ้อย แถลงเว้าต่อผู้ใด๋ ดอกน๊า
เจ้าบ่ยิกคิ้วให้ ใผสิฮ้อนฮ่อมใด๋ นั้นเด้
โอนออุษาบ่เคยฮ้าง ฮามบาหัตถบาท อิดูเด้
แม่นบ่เคยกล่าวถ้อย แถลงเว้าต่อผู้ใด๋ ดอกน๊า
บ่ห่อนเห็นบ่ฮ่าวฮู้ หลงซาติมาพบ
อายุยืนยาวมั่น พันปีก็เห็นหลาก มานี้
มาพบงูถืกหน่อง หางเกี้ยวกอดหนู
เมื่อเถิงเดือนเจียงคล้อย หนาวมาบ่ฮู้เมื่อ คีงน้อ
อายุยืนยาวมั่น พันปีก็เห็นหลาก มานี้
มาพบงูถืกหน่อง หางเกี้ยวกอดหนู
เมื่อเถิงเดือนเจียงคล้อย หนาวมาบ่ฮู้เมื่อ คีงน้อ
เดือนยี่มาแล่นฮ้อน เดือนห้าผัดต่าวหนาว แลน้อ
จาฮีตเดือนเจียงขึ้น หนาวลมคล้อยคลั่ง
ปีนี้เดือนห้าสังมาแล่นข้อ หนาวคล้อยคลั่งทรวง พี่เด้
คันว่าหนาวถือไข้ ก็อย่าลืมผ้าแผ่น เฮาน้อ
เจ้าผู้ตุ้มแต่ผ้า คางสะอื้นหากสิหัว บ่อย่าแหล้ว
จาฮีตเดือนเจียงขึ้น หนาวลมคล้อยคลั่ง
ปีนี้เดือนห้าสังมาแล่นข้อ หนาวคล้อยคลั่งทรวง พี่เด้
คันว่าหนาวถือไข้ ก็อย่าลืมผ้าแผ่น เฮาน้อ
เจ้าผู้ตุ้มแต่ผ้า คางสะอื้นหากสิหัว บ่อย่าแหล้ว
เจ้าว่าหนักหน่วงเนื้อ ทนสวาทพวนพิษ นั้นฤา
แสนแสบในมโนนูม อยู่ทนทรวงแค้น
มิท่อโศกากั้น เดียวดายหนทเวท
เจ็บไข้คีงบ่ฮ้อน ไผสิฮู้ฮ่อมปัว เจ้าเด้
แสนแสบในมโนนูม อยู่ทนทรวงแค้น
มิท่อโศกากั้น เดียวดายหนทเวท
เจ็บไข้คีงบ่ฮ้อน ไผสิฮู้ฮ่อมปัว เจ้าเด้
โอนอ วาดก็ยังต่างวาด ขัดทรวงในอก หลากน้อ
คึดบ่จมใจคึด ก็เลาเวทางท้าย
จิตว่าเป็นสองก้ำ อันธเวหลงเพศ
ก็ท่อคึดสล้าง หลงฮู้ฮ่อนเซิง
คึดบ่จมใจคึด ก็เลาเวทางท้าย
จิตว่าเป็นสองก้ำ อันธเวหลงเพศ
ก็ท่อคึดสล้าง หลงฮู้ฮ่อนเซิง
คึดว่าปิปายด้าน คะนิงหาไผสิว่า เป็นเด้
คึดว่าเป็นผู้ฮู้ มาลังล้าวให้เพิ่นเห็น นี้เด้
คันว่า ปลาบ่มาติบ้อน พายเฮือก็มองเปล่า เสียแหล้ว
เป็นดั่งพายจุ่มน้ำ ดายดู้บ่จวบสัง นั้นแหล้ว
คึดว่าเป็นผู้ฮู้ มาลังล้าวให้เพิ่นเห็น นี้เด้
คันว่า ปลาบ่มาติบ้อน พายเฮือก็มองเปล่า เสียแหล้ว
เป็นดั่งพายจุ่มน้ำ ดายดู้บ่จวบสัง นั้นแหล้ว
พี่บ่ได้แหนแถลงเฮื้อง ก็อย่าเคืองแค้นคลั่ง แพงเอ้ย
เมื่อบ่เว้าเยืองให้ เป็นบั้นบ่อนไข
เมื่อบ่ไขให้แจ้ง ก็บังวาดเป็นเงา อยู่นั้น
คึดว่าบ่ให้มีทางติ อ่าวคะนิงเหนือใต้
เมื่อบ่เว้าเยืองให้ เป็นบั้นบ่อนไข
เมื่อบ่ไขให้แจ้ง ก็บังวาดเป็นเงา อยู่นั้น
คึดว่าบ่ให้มีทางติ อ่าวคะนิงเหนือใต้
แม่นว่า
หลาหากหมางเหม็นฝ้าย วางไนไว้เปล่า ก็ตามถ้อน
อิ้วหากเฮฮ่ำไห้ กระสันดิ้นฮ่อสวย
สวยบ่โสดาฝ้าย คะนิงหาซ่าหลอด สังเด้
บ่ใซ้มีแต่ฝ้าย ไหมเฮื้อก็หากมี
หลาหากหมางเหม็นฝ้าย วางไนไว้เปล่า ก็ตามถ้อน
อิ้วหากเฮฮ่ำไห้ กระสันดิ้นฮ่อสวย
สวยบ่โสดาฝ้าย คะนิงหาซ่าหลอด สังเด้
บ่ใซ้มีแต่ฝ้าย ไหมเฮื้อก็หากมี
แม่นสิตามทวนไต้ แยงแสงให้แจ้งฮุ่ง ไปนั้น
สังบ่ปั้นเหนี่ยงข้าว คนจ้าวแจ่วขิง
เมื่อบ่ไขระหัสให้ ก็เป็นความไสเสียด ไปนั้น
ฝูงหมู่ซาวบอดใบ้ เขาสิฮู้ฮ่อมใด๋
สังบ่ปั้นเหนี่ยงข้าว คนจ้าวแจ่วขิง
เมื่อบ่ไขระหัสให้ ก็เป็นความไสเสียด ไปนั้น
ฝูงหมู่ซาวบอดใบ้ เขาสิฮู้ฮ่อมใด๋
แข่บ่ตีหางให้ ซาวมองสิฮู้เมื่อ คีงฤา
ยังจักคึดสะเดือกฮู้ มีแข่เงือกงู บ่นั้น
คันบ่ฟูหางให้ แปนตัวก็ยินยาก
เป็นดั่ง ตาบอดเหลียวเบิ่งน้ำ นทีกว้างก็ว่าควัน
ยังจักคึดสะเดือกฮู้ มีแข่เงือกงู บ่นั้น
คันบ่ฟูหางให้ แปนตัวก็ยินยาก
เป็นดั่ง ตาบอดเหลียวเบิ่งน้ำ นทีกว้างก็ว่าควัน
บ่แม่นยามเดือนห้า หมาในสังมาเทียว
ย้านแต่ปีกาบเฮ้า ซาวค้าจิ่งสิหัว
หนูหากหยิบตาถิ้ม แมวบักดำหลายเทื่อ เลิงแหล้ว
หนูซิง อย่าได้ถิ้มมาดเว้า เสียเผี่ยนให้แก่แมว
ย้านแต่ปีกาบเฮ้า ซาวค้าจิ่งสิหัว
หนูหากหยิบตาถิ้ม แมวบักดำหลายเทื่อ เลิงแหล้ว
หนูซิง อย่าได้ถิ้มมาดเว้า เสียเผี่ยนให้แก่แมว
ฟังเยอฝูงหนุ่มน้อย นางนาฏนงค์สวรรค์
พี่อยากถามข่าวบ้าน เมืองเกิดดวงสมร
เซิญแม่ทรงพระทัยจิต ค่อยฟังนิทานก้อม
หลอนว่าถามผิดข้อ ขอพรอนุญาต
เฮียมบ่ได้เว้าวาดข้อ เสมอเจ้าเหตุมี ดอกดน๊า
พี่อยากถามข่าวบ้าน เมืองเกิดดวงสมร
เซิญแม่ทรงพระทัยจิต ค่อยฟังนิทานก้อม
หลอนว่าถามผิดข้อ ขอพรอนุญาต
เฮียมบ่ได้เว้าวาดข้อ เสมอเจ้าเหตุมี ดอกดน๊า
คันว่า อิ้วบ่โสดาฝ้าย เหม็นหมางซังแดด ก็ตามถ้อน
เจ้าหากฮู้เพศเผี่ยง สิเคืองให้ฮ่อมใด๋ น้องเอ้ย
บั้นสุดที่อ่าว
โอนอ
เฮียมนี้เป็นดั่งปลาตายข่อน หนองนาน้ำเขินขาด
ฝนบ่สงโผดให้ ตายแล้งแดดเผา แลน้อ
คึดต่อดอกคัดเค้า บานอยู่กลางดง
คึดต่อเครือพายสง ก็เล่ามีลำเกี้ยว
เฮียมนี้เป็นดั่งปลาตายข่อน หนองนาน้ำเขินขาด
ฝนบ่สงโผดให้ ตายแล้งแดดเผา แลน้อ
คึดต่อดอกคัดเค้า บานอยู่กลางดง
คึดต่อเครือพายสง ก็เล่ามีลำเกี้ยว
อันหนึ่งเป็นดังฟ้าฝ่าไม้ ลำเสี้ยวเสียบใจ
เจ้าท่อมาคาค้าง กะจวนจันทร์ซีกใหญ่
ผิบ่คาหนีบไว้ สิหมายหิ้วหอบเอา พี่แหล้ว
เจ้าท่อมาคาค้าง กะจวนจันทร์ซีกใหญ่
ผิบ่คาหนีบไว้ สิหมายหิ้วหอบเอา พี่แหล้ว
นอนหลับฝันเห็นแก้ว พิลาแดงดวงยอด เฮียมพุ้น
เสด็จสู่ห้อง โฮงแจ้งส่องใส
ฝันว่าจันทร์จรเข้า มาเฮียงหัตถบาท
แล้วเล่าน้าวแผ่นผ้า สะแคงตุ้มห่มนอน
เสด็จสู่ห้อง โฮงแจ้งส่องใส
ฝันว่าจันทร์จรเข้า มาเฮียงหัตถบาท
แล้วเล่าน้าวแผ่นผ้า สะแคงตุ้มห่มนอน
แสนสิ่งในทรวงเอ้า หนหวยหามื้อส่วง บ่มีแหล้ว
เดือนยี่มาฮอดแล้ว แสนฮ้อนเฮื่อไหล
ตั้งแต่เดือนสามคล้อย ฤดูเถิ่งเดือนสี่ มานั้น
เมฆะรินไหลหลั่งย้อย ฮำหน้าบ่ขาดสาย
เดือนยี่มาฮอดแล้ว แสนฮ้อนเฮื่อไหล
ตั้งแต่เดือนสามคล้อย ฤดูเถิ่งเดือนสี่ มานั้น
เมฆะรินไหลหลั่งย้อย ฮำหน้าบ่ขาดสาย
ว่าจักผิงไฟหลื้อ ก็มาเป็นอันยาก
ว่าจักลงแซ่น้ำ ก็มาฮ้อนฮุ่มทรวง
มันหากขีนขัดเอ้า ในทรวงสุดที่อ่าว ผู้เดียวแหล้ว
เฮฮนเลยคั่งแค้น หาน้องก็หวั่งเว
ว่าจักลงแซ่น้ำ ก็มาฮ้อนฮุ่มทรวง
มันหากขีนขัดเอ้า ในทรวงสุดที่อ่าว ผู้เดียวแหล้ว
เฮฮนเลยคั่งแค้น หาน้องก็หวั่งเว
ผัดแต่เดือนห้าขึ้น ถือคีงไข้บ่ส่วง
เดือนหกมาฮอดแล้ว หนาวซ้ำตื่มฝน
เดือนเจ็ด เดือนแปดควรสิเอ้า
เดือนเก้าควรสิฮ้อน สังมาซ้ำตื่มหนาว
เดือนหกมาฮอดแล้ว หนาวซ้ำตื่มฝน
เดือนเจ็ด เดือนแปดควรสิเอ้า
เดือนเก้าควรสิฮ้อน สังมาซ้ำตื่มหนาว
เดือนสิบเดือนสิบเอ็ดขึ้น พอกะซามผัดไข้สั่น
เดือนสิบสองมาฮอดแล้ว คำไข้กะบ่หาย
ยังแต่พอเผยฝ้า ถือคีงพอสะน่อย
คุ้มส่วงมาแต่ละน้อย ถือขึ้นสั่นสาย
เดือนสิบสองมาฮอดแล้ว คำไข้กะบ่หาย
ยังแต่พอเผยฝ้า ถือคีงพอสะน่อย
คุ้มส่วงมาแต่ละน้อย ถือขึ้นสั่นสาย
ลังเทื่อบายเอาข้าว มากินดอมเพื่อน
ตกคะมะเลยเล่าแค้น ก็บายถิ้มใส่ฝา
ลางเล่าหมางเหม็นข้าว ทังปลาลาเลิก
เลยเล่าตุ้มแต่ผ้า ผืนกว้างกล่อมนอน พี่แหล้ว
ตกคะมะเลยเล่าแค้น ก็บายถิ้มใส่ฝา
ลางเล่าหมางเหม็นข้าว ทังปลาลาเลิก
เลยเล่าตุ้มแต่ผ้า ผืนกว้างกล่อมนอน พี่แหล้ว
ปวดหัวถือคีงไข้ ทังตัวบ่มีเฮื่อ
ย้านแต่หมากไม้ค้าง กินข้าวก็จิ่งขม
ไผผู้เป็นหมอแก้ มียาอดเยื้อนปิ่น ปัวแม๊
คันว่าหายพยาธิฮ้อน คุณเจ้าบ่ให้เสีย ดอกน๊า
ย้านแต่หมากไม้ค้าง กินข้าวก็จิ่งขม
ไผผู้เป็นหมอแก้ มียาอดเยื้อนปิ่น ปัวแม๊
คันว่าหายพยาธิฮ้อน คุณเจ้าบ่ให้เสีย ดอกน๊า
อันว่าซาตาข้อย เคยกินแต่หมากเวอ นาวนั้น
ปวดหัวเคยได้คั้น บายส้มหมากโอ
ฟังเย้อแพงศรีสร้อย สารหาสุดที่อ่าว เฮียมเอ้ย
พี่สิเสื่องเงื่อนให้ เห็นบั้นบ่อนสิโตน
ปวดหัวเคยได้คั้น บายส้มหมากโอ
ฟังเย้อแพงศรีสร้อย สารหาสุดที่อ่าว เฮียมเอ้ย
พี่สิเสื่องเงื่อนให้ เห็นบั้นบ่อนสิโตน
ซาติที่เฮือแพนี้ วางโทมบายกูด จังเป็นด๋าย
คัดถืกเววาดท้าย หัวพี้หากสินำ
ให้ค่อยแปงโทมป้อง ตามคอติดต่อ แซวถ้อน
เซิญกูดปิดแงกท้าย เวเข้าบ่อนสิโตน แด่ถ้อน
คัดถืกเววาดท้าย หัวพี้หากสินำ
ให้ค่อยแปงโทมป้อง ตามคอติดต่อ แซวถ้อน
เซิญกูดปิดแงกท้าย เวเข้าบ่อนสิโตน แด่ถ้อน
แนมท่อโทมกินน้ำ สิเป็นขันฮ้อยหน่วย ก็ตามถ้อน
แสนสิฟองทุ่มกลั้ว คนท้ายหากสิแซว
มันหากเคยตายเมี้ยน ดอมขันเดือนแปด
พีี่บ่แหนงหน่ายเอื้อ สิวางไว้ท่อใย
แสนสิฟองทุ่มกลั้ว คนท้ายหากสิแซว
มันหากเคยตายเมี้ยน ดอมขันเดือนแปด
พีี่บ่แหนงหน่ายเอื้อ สิวางไว้ท่อใย
เพิ่นหากลือว่าฮ้าย ใจอ้ายหากผะสงค์
ไถนายามเดือนห้า ฝนสิฮวยยู้ส่ง บ่มีแหล้ว
เดือนเจียงเดือนยี่หว่านข้าวกล้า เดือนจิ่งสิดำ
ไถนายามเดือนห้า ฝนสิฮวยยู้ส่ง บ่มีแหล้ว
เดือนเจียงเดือนยี่หว่านข้าวกล้า เดือนจิ่งสิดำ
ปีนี้ถืองันเจ้า แดงหลวงฟ้าสิส่ง จังได๋น้อ
นาแซงไถบ่ได้ ตมกั้วหน้าผะเนียง
ว่าอยากตีฝายขึ้น ทางเหนือนาน้ำเขินขาด เสียแหล้ว
ว่าอยากอาศัยน้ำห้วยน้อย เหมืองซ้ำขาดเขิน
นาแซงไถบ่ได้ ตมกั้วหน้าผะเนียง
ว่าอยากตีฝายขึ้น ทางเหนือนาน้ำเขินขาด เสียแหล้ว
ว่าอยากอาศัยน้ำห้วยน้อย เหมืองซ้ำขาดเขิน
ปานนี้ดาวเสด็จกลั้ว ดวงแขสิมืดมุ่ง บ่มีแหล้ว
ฮู้ว่าสุริโยมาแล่นกุ้ม กุมพระจันทร์มัวมืด
อังคารมาเบียดเบื้อง บังแก้วหน่วยพระจันทร์
ฮู้ว่าสุริโยมาแล่นกุ้ม กุมพระจันทร์มัวมืด
อังคารมาเบียดเบื้อง บังแก้วหน่วยพระจันทร์
โอนอ
พระจันทร์มาแสงเศร้า เสียสีหมองหม่น
มณีเทศเป็นแท่นแก้ว ต่างผ้าห่มหนาว
อันว่าใจผะสงค์ข้อย อยากไถนาเฮื้อเก่า
คันเพิ่นไลถิ่มไว้ พระอวนอ้ายหากสงวน
พระจันทร์มาแสงเศร้า เสียสีหมองหม่น
มณีเทศเป็นแท่นแก้ว ต่างผ้าห่มหนาว
อันว่าใจผะสงค์ข้อย อยากไถนาเฮื้อเก่า
คันเพิ่นไลถิ่มไว้ พระอวนอ้ายหากสงวน
ซาติที่นาเฟืองนี้ ตามไถคือสิหม่อน มือด๋าย
เหมืองเพิ่นหากไขเป่งไว้ ขังน้ำสิอยู่ดี
เฮียมหากเป็นคนคร้าน ผะสงค์หาแต่นาเก่า
นาซ่าวมีบ่แพ้ พระอวนอ้ายบ่ผะสงค์
เหมืองเพิ่นหากไขเป่งไว้ ขังน้ำสิอยู่ดี
เฮียมหากเป็นคนคร้าน ผะสงค์หาแต่นาเก่า
นาซ่าวมีบ่แพ้ พระอวนอ้ายบ่ผะสงค์
หงษ์คำผ้าย เวหาเหินเมฆ งามเด้
กาดำว่าอยากบินแทบพื้น กลัวย้านบาดสิทูล
แซวเย้อ ฝูงคนท้าย ขังโทมทังท่อ แซวถ้อน
เดียวนี้ฟองทุ่มกลั้ว แซวเข้าบ่อนฮอม
กาดำว่าอยากบินแทบพื้น กลัวย้านบาดสิทูล
แซวเย้อ ฝูงคนท้าย ขังโทมทังท่อ แซวถ้อน
เดียวนี้ฟองทุ่มกลั้ว แซวเข้าบ่อนฮอม
คันไผฝังหลักแน่น แสนสิลมมาฮ้อยห่า ก็ตามถ้อน
พายพี่ สินอนทอดทะเนิ้ง แหงนหน้าเบิ่งลม ดอกน๊า
ฟังเย้อบัวพรรณสร้อย จำปามณีเทศ เฮียมเอ้ย
พี่สิถามข่าวเจ้า ฟังแล้วค่อยคะนิง พี่ถ้อน
พายพี่ สินอนทอดทะเนิ้ง แหงนหน้าเบิ่งลม ดอกน๊า
ฟังเย้อบัวพรรณสร้อย จำปามณีเทศ เฮียมเอ้ย
พี่สิถามข่าวเจ้า ฟังแล้วค่อยคะนิง พี่ถ้อน
เฮียมอยากเอาไหมเกี้ยว จำปาแดงคล้องเกศ
เหมือนพี่ได้สะส่วยล้าง พิฑูรย์เข้มให้ส่วงใจ
คึดว่าอยากไปเอาน้ำ อโนมามาล้างส่วย สีนั้น
มหานิลมันหากตกซีกแล้ว เพียรล้างหากสิใส ดอกน๊า
ดวงนี้
เฮาบ่ได้หาเสียดข้อ ใส่เฮื้องต่อไผ ดอกน๊า
เหมือนพี่ได้สะส่วยล้าง พิฑูรย์เข้มให้ส่วงใจ
คึดว่าอยากไปเอาน้ำ อโนมามาล้างส่วย สีนั้น
มหานิลมันหากตกซีกแล้ว เพียรล้างหากสิใส ดอกน๊า
ดวงนี้
เฮาบ่ได้หาเสียดข้อ ใส่เฮื้องต่อไผ ดอกน๊า
อันหนึ่งเฮียมอยาก
ถามข่าวโพธิ์ศรีสร้อย กลางสถานต้นต่ำเฮียมพุ้น
มันหากมีฮ่มกว้าง คนเข้าคั่งโฮม อยู่ฤา
ถามข่าวโพธิ์ศรีสร้อย กลางสถานต้นต่ำเฮียมพุ้น
มันหากมีฮ่มกว้าง คนเข้าคั่งโฮม อยู่ฤา
กาดำว่าอยากเซยซมกลั้ว ซายเหินหอมกลิ่น ว่าฤา
ติแต่โตฮูปฮ้าย ดำปี้แปดกา
กาดำว่าอยากลงลอยน้ำ อโนมาให้ขาวผ่อง สิคือฤา
แล้วจึงเหาะหอบผ้าย ให้ใสแจ้งดั่งพระจันทร์
ติแต่โตฮูปฮ้าย ดำปี้แปดกา
กาดำว่าอยากลงลอยน้ำ อโนมาให้ขาวผ่อง สิคือฤา
แล้วจึงเหาะหอบผ้าย ให้ใสแจ้งดั่งพระจันทร์
พี่นี้เกิดแต่น้อย บ่เคยจวบคำระหัส
เจ้าหากเคยเทียวทางหลวง อดกูดเอาพอสะดุ้ง
เฮียมหากงมงวยย้าย เดินไปทั้งตาบอด แท้แหล้ว
ขอให้พระจันทร์พี่เจ้า จูงเข้าใส่ทาง แด่ถ้อน
เจ้าหากเคยเทียวทางหลวง อดกูดเอาพอสะดุ้ง
เฮียมหากงมงวยย้าย เดินไปทั้งตาบอด แท้แหล้ว
ขอให้พระจันทร์พี่เจ้า จูงเข้าใส่ทาง แด่ถ้อน
โอนอ
ว่าอยากไขสะเภาแก้ว ให้เห็นแฮฮำจีบ
จันทร์เทศขังอิ่มไว้ ในหั้นหมื่นไห
น้ำหากไหลพัดข้อย ลอยเอากะมายาก ใจเด้
ติท่อเฮือเล่มน้อย ฟองซ้ำเสือกหนี พี่แหล้ว
ว่าอยากไขสะเภาแก้ว ให้เห็นแฮฮำจีบ
จันทร์เทศขังอิ่มไว้ ในหั้นหมื่นไห
น้ำหากไหลพัดข้อย ลอยเอากะมายาก ใจเด้
ติท่อเฮือเล่มน้อย ฟองซ้ำเสือกหนี พี่แหล้ว
ฟังเย้อโฉมสนิทน้อง จำปาบ้านเก่า เฮียมเอ้ย
พี่อยากถามข่าวสัตว์สิงห์ซ้าง เสือสางงูงอด มีฤา
ปานนี้ดวงมณีสร้อย แพงแสนสุดที่อ่าว
ยังสิคึดสะเดือกต้อง ประเหียลตั้งดั่งผะสงค์ บ่เด้
พี่อยากถามข่าวสัตว์สิงห์ซ้าง เสือสางงูงอด มีฤา
ปานนี้ดวงมณีสร้อย แพงแสนสุดที่อ่าว
ยังสิคึดสะเดือกต้อง ประเหียลตั้งดั่งผะสงค์ บ่เด้
ฮู้ว่ามีเครือซ้อน วางอวนปะเปล่า แพงเอ้ย
ปะไป่อกขม่อมไว้ ทุเรฮ้างห่างสะเทิน
อดพอกุณาเยื้อน เอาไมตรีติดต่อ แพงเอ้ย
ขอขอดพันธมิตรไว้ แสนตื้ออย่าให้หาย พี่ถ้อน
ปะไป่อกขม่อมไว้ ทุเรฮ้างห่างสะเทิน
อดพอกุณาเยื้อน เอาไมตรีติดต่อ แพงเอ้ย
ขอขอดพันธมิตรไว้ แสนตื้ออย่าให้หาย พี่ถ้อน
อย่าได้ไลถมถิ่ม คือไหมเข็นขาด
อย่าได้เป็นท่อนบั้น คือฝ้ายขาดไน พี่เน้อ
หมายจักทรงผืนผ้า แซงละครเกลี้ยงก่ำ
บุญบ่ยู้ส่งให้ สิฟูมด้วยกะเตี่ยวขาว พี่แหล้ว
อย่าได้เป็นท่อนบั้น คือฝ้ายขาดไน พี่เน้อ
หมายจักทรงผืนผ้า แซงละครเกลี้ยงก่ำ
บุญบ่ยู้ส่งให้ สิฟูมด้วยกะเตี่ยวขาว พี่แหล้ว
คันบ่ได้หน่วยแก้ว ลูกประเสริฐมหาเพชร เฮียมนั้น
พี่สิคืนทางหลัง บวชเป็นโสมเฒ่า
ตั้งต่อปารมีสร้าง เอาบุญเป็นที่เผิ่ง
ขอให้พบหน่วยแก้ว พิลาเข้มซาติสิมา แดถ้อน
พี่สิคืนทางหลัง บวชเป็นโสมเฒ่า
ตั้งต่อปารมีสร้าง เอาบุญเป็นที่เผิ่ง
ขอให้พบหน่วยแก้ว พิลาเข้มซาติสิมา แดถ้อน
โอนอ
มาอิดูปลาซิวน้อย อยากซมไคคำคาด
ปลาบึกมาอยู่ซ้อน ตันต้อนบ่อนซิว
ฟังเย้อดาวประกายกลั้ว พระจันทร์ใสแสนโยชน์ เทิ่งพุ้น
เฮียมอยากถามข่าวหินก้อนล้าน กลางน้ำมากมูล แด่ถ้อน
มาอิดูปลาซิวน้อย อยากซมไคคำคาด
ปลาบึกมาอยู่ซ้อน ตันต้อนบ่อนซิว
ฟังเย้อดาวประกายกลั้ว พระจันทร์ใสแสนโยชน์ เทิ่งพุ้น
เฮียมอยากถามข่าวหินก้อนล้าน กลางน้ำมากมูล แด่ถ้อน
ฝูงหมู่เฮือซาวค้า นาวายังขึ้นล่อง บ่เด้
อกพี่อยากขอลอบขึ้น ยามแก้วหน่วยพระจันทร์
ขวัญพี่หากเคยตายย้อน ดอมผาขันบ่มีจ่ม อีหยังแหล้ว
คึดหากตกฮ่อมแล้ว พระอวนอ้ายก็จิ่งไป ดอกน๊า
อกพี่อยากขอลอบขึ้น ยามแก้วหน่วยพระจันทร์
ขวัญพี่หากเคยตายย้อน ดอมผาขันบ่มีจ่ม อีหยังแหล้ว
คึดหากตกฮ่อมแล้ว พระอวนอ้ายก็จิ่งไป ดอกน๊า
ผิบ่คาของค้า อยากลองโตนแปวเบิ่ง ดูนั้น
ผิว่าเฮือหากต้องหินแม่ข้าง เวท้ายหากสิเห็น
หลิงเบิ่งหินก้อนล้าน ซ้างใหญ่พอโขลง
เซิญเจ้าแยงเทียนคำ เบิ่งญาณเงาแก้ว
ผิว่าเฮือหากต้องหินแม่ข้าง เวท้ายหากสิเห็น
หลิงเบิ่งหินก้อนล้าน ซ้างใหญ่พอโขลง
เซิญเจ้าแยงเทียนคำ เบิ่งญาณเงาแก้ว
พอให้เห็นกระบวนเบื้อง ทางสิลงหาฮ่อม ไปนั้น
พอให้เห็นฮุ่งแจ้ง คองเลี้้ยวบ่อนสิโตน พี่ถ้อน
สองหากเทียวทางเวิ้ง ไกลกันบ่มีจวบ เป็นแหล้ว
เจ้าอดถางป่าไม้ พอให้ส่องเห็น แด่ถ้อน
พอให้เห็นฮุ่งแจ้ง คองเลี้้ยวบ่อนสิโตน พี่ถ้อน
สองหากเทียวทางเวิ้ง ไกลกันบ่มีจวบ เป็นแหล้ว
เจ้าอดถางป่าไม้ พอให้ส่องเห็น แด่ถ้อน
เฮียมนี้
เป็นดั่งเดือนดำสู้ ผะสงค์แยงยังแว่น
เหล็กหนาดำปลอดปี้ แยงได้กะบ่เห็น
โอนอ
ความทุกข์ข่อน พ้นที่แสนถนัด
โฮมอยู่ในทรวงถม ผู้เดียวพระอวนอ้าย
เป็นดั่งเดือนดำสู้ ผะสงค์แยงยังแว่น
เหล็กหนาดำปลอดปี้ แยงได้กะบ่เห็น
โอนอ
ความทุกข์ข่อน พ้นที่แสนถนัด
โฮมอยู่ในทรวงถม ผู้เดียวพระอวนอ้าย
อันว่าจอมกะพรรดิ์พุ้น เททรวงทนสวาท บ่น้อ
อย่าได้ปะอกขม่อมไว้ แดดิ้นผู้เดียว แด่เน้อ
โอนอ
มาอิตนกาดำเด้ อยากทวยทรงพิฑูรย์เทศ
แก้วบ่เมินมุ่งให้ แสนสิดิ้นก็หากฮุน
อย่าได้ปะอกขม่อมไว้ แดดิ้นผู้เดียว แด่เน้อ
โอนอ
มาอิตนกาดำเด้ อยากทวยทรงพิฑูรย์เทศ
แก้วบ่เมินมุ่งให้ แสนสิดิ้นก็หากฮุน
คันว่าน้องบ่ปองปุ่นให้ หายโพยพอเดือด ทรวงนั้น
ขวัญพี่ไปเที่ยวกลั้ว กินข้าวผอกผี พี่แหล้ว
ขอแก่จอมกษัตริย์ให้ กูณาเยื้อนโผด มาถ้อน
อกพี่ปุนอยู่ค้าง ทางใต้หากสิคอย
ขวัญพี่ไปเที่ยวกลั้ว กินข้าวผอกผี พี่แหล้ว
ขอแก่จอมกษัตริย์ให้ กูณาเยื้อนโผด มาถ้อน
อกพี่ปุนอยู่ค้าง ทางใต้หากสิคอย
เจ้าผู้โฉมเฉลาเนื้อ อินทร์เขียนไขฮูป มานั้น
พี่บ่ได้บักแบ่นหน้า แหนเฮื้องใส่ไผ
เจ้าผู้ปัญญาเสี้ยม อดทงญาณเยื้อนโผด
พอให้ได้บ่อนหมั้น นำเจ้าแต่ขวัญ
พี่บ่ได้บักแบ่นหน้า แหนเฮื้องใส่ไผ
เจ้าผู้ปัญญาเสี้ยม อดทงญาณเยื้อนโผด
พอให้ได้บ่อนหมั้น นำเจ้าแต่ขวัญ
อันว่าซาตาแคล้ว แนนไกลแสนโยชน์ ก็ดีถ้อน
ขอให้หยับเคี่ยนเข้า มาใกล้อย่าให้ไกล
เจ้าผู้ปัญญาเสี้ยม อดหลิงญาณเยือนส่อง ดูถ้อน
จักว่าเลิ่กและตื้น เป็นบั้นฮ่ำคะนิง ฮั้นถ้อน
ขอให้หยับเคี่ยนเข้า มาใกล้อย่าให้ไกล
เจ้าผู้ปัญญาเสี้ยม อดหลิงญาณเยือนส่อง ดูถ้อน
จักว่าเลิ่กและตื้น เป็นบั้นฮ่ำคะนิง ฮั้นถ้อน
อันให้หนำก็ใจข้อย อยากขอทงเทียมแทบ
เป็นแผ่นผ้า เฮียมตุ้มบ่ห่างคีง พี่แหล้ว
โอนอดวงนี้
สุดที่อ่าวแดดั่นดิ้น ยินกะสันต์สุดทะยิ่ง
ว่าอยากปองปุนตุ้ม มณีโซติก็มายาก
หินแห่งามบ่แพ้ บ่ปานแก้วหน่วยใส
เป็นแผ่นผ้า เฮียมตุ้มบ่ห่างคีง พี่แหล้ว
โอนอดวงนี้
สุดที่อ่าวแดดั่นดิ้น ยินกะสันต์สุดทะยิ่ง
ว่าอยากปองปุนตุ้ม มณีโซติก็มายาก
หินแห่งามบ่แพ้ บ่ปานแก้วหน่วยใส
คันบ่ได้หน่วยแก้ว ลูกผะเสริฐมหาเพชร เพิ่นพุ้น
มาขอดโฮงเฮียงสอง บ่ยอมยังค้าน
แม่นสิตกขอบฟ้า ผืนแผ่นพรหมจักร์ ก็ดี
เฮียมจักหมายเฮียงฮัก ฮ่วมสะนอนจนได้
มาขอดโฮงเฮียงสอง บ่ยอมยังค้าน
แม่นสิตกขอบฟ้า ผืนแผ่นพรหมจักร์ ก็ดี
เฮียมจักหมายเฮียงฮัก ฮ่วมสะนอนจนได้
ยังสินิยมให้ เฮียงสองสมผะกอบ บ่เด้
หรือจักปะปล่อยไว้ โฮงเศร้าหม่นหมอง
หรือจักปะปล่อยไว้ โฮงเศร้าหม่นหมอง
แม่นจักวอนวานให้ องค์ลังกากงราช ก็ดายแหล้ว
บังเกิดเป็นหมอกกลั้ว ควันกุ้มบ่ผ่องใส
ทุกที่ยมนาย้อย ในทรวงท้นสวาท
ก็บ่บกเหือดให้ ทรวงเอ้าอั่งกระสัน
บังเกิดเป็นหมอกกลั้ว ควันกุ้มบ่ผ่องใส
ทุกที่ยมนาย้อย ในทรวงท้นสวาท
ก็บ่บกเหือดให้ ทรวงเอ้าอั่งกระสัน
สุดที่นอนนูมให้ คะนิงไหลเหลืออ่าว ฮุนแหล้ว
ก็พอเห็นหน่วยแก้ว ไกลล้ำยิ่งประมาณ
ก็พอเห็นหน่วยแก้ว ไกลล้ำยิ่งประมาณ
โอนอ
ราษีมาสุมกลั้ว กุมพระจันทร์มัวมืด เสียแหล้ว
อังคารเลยเล่าซ้ำ เป็นฝ้าเบียดบัง
เดียวนี้จันทราดเศร้า เสียแสงสูรย์อ้ำ ไปแหล้ว
นักขัตฤกษ์ฟ้า มัวเศร้าบ่ส่องแสง
ราษีมาสุมกลั้ว กุมพระจันทร์มัวมืด เสียแหล้ว
อังคารเลยเล่าซ้ำ เป็นฝ้าเบียดบัง
เดียวนี้จันทราดเศร้า เสียแสงสูรย์อ้ำ ไปแหล้ว
นักขัตฤกษ์ฟ้า มัวเศร้าบ่ส่องแสง
เฮียมหากแปงเซิงไว้ บ่โสดาคำซีกเก่า
ซาติที่แนวนามเซื้อ ราชสีห์สัตว์ใหญ่
บ่ห่อนบินสอดแส่ว ไปได้ดั่งแหลว
ซาติที่แนวนามเซื้อ ราชสีห์สัตว์ใหญ่
บ่ห่อนบินสอดแส่ว ไปได้ดั่งแหลว
ฟังเย้อจันทะรังเหลื่อม แพงศรีสุดที่อ่าว เฮียมนั้น
อย่าได้ละแฮ้งเฒ่า กาฮ้ายฮ่วนเฮ เดน้อ
อย่าได้ละแฮ้งเฒ่า กาฮ้ายฮ่วนเฮ เดน้อ
กาดำ
ว่าอยากหมายเอาแก้ว ธำมะฮงมาขอด พิลานั้น
เดีวยนี้คำค่าเข้ายังไป่แล้ว ปีเป้าจิ่งสิเอา
เจ้าผู้ปัญญาเสี้ยม ผญาคมคอยฮ่ำ ดูถ้อน
ถวายแก่อกขม่อมพุ้น พอให้ฮ่ำคะนิง แด่เน้อ
ว่าอยากหมายเอาแก้ว ธำมะฮงมาขอด พิลานั้น
เดีวยนี้คำค่าเข้ายังไป่แล้ว ปีเป้าจิ่งสิเอา
เจ้าผู้ปัญญาเสี้ยม ผญาคมคอยฮ่ำ ดูถ้อน
ถวายแก่อกขม่อมพุ้น พอให้ฮ่ำคะนิง แด่เน้อ
ดวงนี้
ซื่อว่าบังระหัสไว้ ภายในให้คึดฮ่ำ ดูถ้อน
มับแมบพอให้ฮู้ ผะเหียลให้สะเดือดเห็น
เมื่อจักแปปั่นให้ กลัวลมสิฟองฟาด
ย้านแต่หินก้อนล้าน แซวเข้าอยู่ตัน นั่นเด้
ซื่อว่าบังระหัสไว้ ภายในให้คึดฮ่ำ ดูถ้อน
มับแมบพอให้ฮู้ ผะเหียลให้สะเดือดเห็น
เมื่อจักแปปั่นให้ กลัวลมสิฟองฟาด
ย้านแต่หินก้อนล้าน แซวเข้าอยู่ตัน นั่นเด้
บุญบาปให้ เฮียงสองเป็นคู่
คันว่าบุญบ่น้าวแนบให้ คือสิเมี้ยนมอดซีวัง
ว่าจักยกนิ้วยื้อ เยียวแก้วกะบ่เถิ่ง
คันว่าบุญบ่น้าวแนบให้ คือสิเมี้ยนมอดซีวัง
ว่าจักยกนิ้วยื้อ เยียวแก้วกะบ่เถิ่ง
บุญเอ้ย อดพอซูซักให้ เพียงสองผะสมกอบ กันแม๊
อย่าได้ละอกขม่อมไว้ สองข้างห่างสะเทิน แด่ถ้อน
อย่าได้ละอกขม่อมไว้ สองข้างห่างสะเทิน แด่ถ้อน
โฉมเฉลาหน้า อินทร์เขียนแปงฮูป เฮียมเอ้ย
คำพี่ต้านต่อน้อง อย่าให้ห่างสะเทิน
คำพี่ต้านต่อน้อง อย่าให้ห่างสะเทิน
สังมาทุกข์ขมอดข่อน ขังทรวงสุดที่อ่าว
ยังสิได้กล่อมเกี้ยว เฝือฝั่นดั่งผะสงค์ บ่น้อ
เดียวนี้แพงศรีสร้อย สรรหาเจ้าพี่
สังมาขังยึดไว้ ยาวได้หมื่นอสงค์ นี้เด้
ยังสิได้กล่อมเกี้ยว เฝือฝั่นดั่งผะสงค์ บ่น้อ
เดียวนี้แพงศรีสร้อย สรรหาเจ้าพี่
สังมาขังยึดไว้ ยาวได้หมื่นอสงค์ นี้เด้
เถิงหากเนาอยู่ห้อง เทียมแทบแพงขวัญ ก็ดี
เหมือนดังนอนแปวอัคคี บ่ตายทะลอนเยื้อน
บ่แม่นบุญเฮาแล้ว เวรมาจำพราก
ฮู้ว่าเวรนาฏเนื้อ นำให้ห่างสอง
เหมือนดังนอนแปวอัคคี บ่ตายทะลอนเยื้อน
บ่แม่นบุญเฮาแล้ว เวรมาจำพราก
ฮู้ว่าเวรนาฏเนื้อ นำให้ห่างสอง
สุดที่อ่าวเป็นคนใบ้ ป่วงทวาหลงวาด อวนเอ้ย
ฝนหากตกฮั่วย้อย ฮ่ำหน้าก็จิ่งหนาว
ว่าจักหมายเฮียงแก้ว มณีโชติธรรมราช เฮียมพุ้น
บุญบ่ยู้ส่งให้ แสนสิดิ้นก็หากฮุน ดอกน๊า
ฝนหากตกฮั่วย้อย ฮ่ำหน้าก็จิ่งหนาว
ว่าจักหมายเฮียงแก้ว มณีโชติธรรมราช เฮียมพุ้น
บุญบ่ยู้ส่งให้ แสนสิดิ้นก็หากฮุน ดอกน๊า
จบสารลึบพระสูรย์
"ปริโยสารเสี่ยง เพียรมามื้อละน่อย
ยังบ่ดีท่อก้อย แสนสิหน่อยกะส่วนดี แม่ใหญ่เอ้ย"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น